วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิธีการปลูกผักสวนครัว
1. การปลูกผักในแปลงปลูก มีขั้นตอน คือ
1.1 การพรวนดิน ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 6 นิ้ว เพื่อพรวนดินให้มีโครงสร้างดีขึ้น กำจัดวัชพืชในดินกำจัดไข่แมลงหรือโรคพืชที่อยู่ในดิน โดยการพรวนดินตากทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน
1.2 การยกแปลง ใช้จอบพรวนยกแปลงสูงประมาณ 4-5 นิ้ว จากผิวดิน โดยมีความกว้างประมาณ 1-1.20 เมตร ส่วนความยาวควรเป็นตามลักษณะของพื้นที่หรืออาจแบ่งเป็นแปลงย่อยๆ ตามความเหมาะสม ความยาวของแปลงนั้นควรอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดทั่วทั้งแปลง
1.3 การปรับปรุงเนื้อดิน เนื้อดินที่ปลูกผักควรเป็นดินร่วนแต่สภาพดินเดิมนั้นอาจจะเป็นดินทรายหรือดินเหนียว จำเป็นต้องปรับปรุงให้เนื้อดินดีขึ้นโดยการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตราประมาณ 2-3 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน
1.4 การกำหนดหลุมปลูก จะกำหนดภายหลังจากเลือกชนิดผักต่าง ๆ แล้วเพราะว่าผักแต่ละชนิดจะใช้ระยะปลูกที่แตกต่างกัน เช่น พริก ควรใช้ระยะ 75 x 100 เซนติเมตร ผักบุ้งจะเป็น 5 x 5 เซนติเมตร เป็นต้น
2. การปลูกผักในภาชนะ
การปลูกผักในภาชนะควรจะพิจารณาถึงการหยั่งรากของพืชผักชนิดนั้นๆ พืชผักที่หยั่งรากตื้นสามารถปลูกได้ดีในภาชนะปลูกชนิดต่างๆ และภาชนะชนิดห้อยแขวนที่มีความลึกไม่เกิน 10 เซนติเมตร คือ
ผักบุ้งจีน คะน้าจีน ผักกาดกวางตุ้ง (เขียวและขาว) ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดหอม ผักกาดขาวชนิดไม่ห่อ (ขาวเล็ก ขาวใหญ่) ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง หอมแบ่ง (ต้นหอม) ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักโขมจีน กระเทียมใบ (Leek) กุยช่าย กระเทียมหัว ผักชีฝรั่ง บัวบก สะระแหน่ แมงลัก โหระพา (เพาะเมล็ด) กะเพรา (เพาะเมล็ด) พริกขี้หนู ตะไคร้ ชะพลู หอมแดง หอมหัวใหญ่ หัวผักกาดแดง (แรดิช)
วัสดุที่สามารถนำมาทำเป็นภาชนะปลูกอาจดัดแปลงจากสิ่งที่ใช้แล้ว เช่น ยางรถยนต์เก่า กะละมัง ปลอกซีเมนต์ เป็นต้น สำหรับภาชนะแขวนอาจใช้ กาบมะพร้าว กระถาง หรือเปลือกไม้
วิธีการปลูกผักในภาชนะแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี
2.1 เพาะเมล็ดด้วยการหว่านแล้วถอนแยกหรือหยอดเป็นแถวแล้วถอนแยก ซึ่งพืชที่ควรปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- ผักบุ้งจีน
- คะน้าจีน
- ผักกาดขาวกวางตุ้ง
- ผักกาดเขียวกวางตุ้ง
- ผักฮ่องเต้ (กวางตุ้งไต้หวัน)
- ตั้งโอ๋
- ปวยเล้ง
-ผักกาดหอม
- ผักโขมจีน
- ผักชี
- ขึ้นฉ่าย
- โหระพา
- กระเทียมใบ
- กุยฉ่าย
- หัวผักกาดแดง
- กะเพรา
- แมงลัก
- ผักชีฝรั่ง
- หอมหัวใหญ่
2.2 ปักชำด้วยต้น และด้วยหัว ได้แก่
- หอมแบ่ง (หัว)
- ผักชีฝรั่ง
- กระเทียมหัว (ใช้หัวปลูก)
- หอมแดง (หัว)
- บัวบก (ไหล)
- ตะไคร้ (ต้น)
- สะระแหน่ (ยอด)
- ชะพลู (ต้น)
- โหระพา (กิ่งอ่อน)
- กุยช่าย (หัว)
- กะเพรา (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
- แมงลัก (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
หมายเหตุ
มีบางพืชที่ปลูกด้วยหัว หรือส่วนของต้นก็ได้ ปลูกด้วยเมล็ดก็ได้
ดังนั้น จึงมีชื่อผักที่ซ้ำกันทั้งข้อ 1 และ 2
การหาทิศโดยการใช้เข็มทิศและการสังเกตจากธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
ลูกเสือ - เนตรนารี เวลาออกเดินทางไกลหรือเวลาที่ไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ การรู้จักทิศทางนั้นย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการเดินทาง เพราะว่าการที่ลูกเสือ - เนตรนารีออกสำรวจนั้น เส้นทางที่ใช้อาจจะไม่ตรงกับเส้นทางที่มีอยู่แล้วแต่อาจจะเดินออกนอกเส้นทาง เช่น ในป่า ขุนเขา ฯลฯ
ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องรู้จักทิศต่าง ๆ เพื่อจะได้ทำให้เรานั้นไม่หลงทางและรู้จุด หรือฐานซึ่งเราออกเดินทาง เข็มทิศ จึงจำเป็นในการเดินทางเพราะจะช่วยบอกทิศให้เราได้ แต่ถ้าเราไม่มีเข็มทิศแล้วนั้นก็สามารถที่จะสังเกตสิ่งแวดล้อมที่อยู่เองตามธรรมชาติได้ด้วย
การหาทิศโดยใช้เข็มทิศ
เข็มทิศอาศัยคุณสมบัติของแม่เหล็ก เข็มทิศถูกทำขึ้นโดยใช้แม่เหล็กแท่งเล็ก ๆ ติดกับแกนให้หมุนรอบได้โดยอิสระ บนหน้าปัดของเข็มทิศจะมีเครื่องหมายแสดงทิศและเลขบอกองศาของทิศต่าง ๆ ไว้ เพราะฉะนั้นปลายของแม่เหล็กจะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ
การหาทิศโดยวิธีการสังเกตสิ่งแวดล้อม
1. การสังเกตเถาวัลย์
โดยธรรมชาติของเถาวัลย์แล้ว ยอดเถาวัลย์ส่วนมากจะเลื้อยไปทางทิศตะวันออก เพื่อที่จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เสมอ ฉะนั้นเมื่อลูกเสือ - เนตรนารีรู้จักทิศตะวันออกแล้ว ทิศอื่น ๆ เราก็สามารถทราบต่อไปได้โดยการยืนตรงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้าง ทางซ้ายมือจะเป็นทิศเหนือ ทางขวามือจะเป็นทิศใต้ และข้างหลังก็คือทิศตะวันตก
2. สังเกตจากดวงอาทิตย์
ในกรณีที่ลูกเสือ - เนตรนารีหลงทาง และสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้นั้น
2.1 ฤดูหนาว จะสังเกตดวงอาทิตย์ได้โดยช่วงเช้าจะอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งจะค่อนไปทางทิศใต้เล็กน้อย ช่วงเย็นเราจะสังเกตเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ก็แสดงว่าทิศนั้นเป็นทิศตะวันตก
2.2 ฤดูร้อน ในช่วงเช้าเราจะสังเกตเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย ตอนเย็นพระอาทิตย์จะตกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเล็กน้อย
3. สังเกตดาว
3.1 ดาวเหนือ เป็นดาวฤกษ์ซึ่งขึ้นประจำที่ตรงทิศเหนือเสมอจะไม่เปลี่ยนแปลงไปทิศไหนเลย พร้อมกับดาวเหนือจะมีแสงสว่างพอที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ 3.2 กลุ่มดาวจระเข้ หรือกลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวพวกนี้ถือเป็นกลุ่มดาวฤกษ์อีกกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นประจำอยู่ทางทิศเหนือ เราเองก็สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ จากการที่ดาวต่าง ๆ กลุ่มนี้ขึ้นเรียงกันเป็นกลุ่ม ทำให้มนุษย์เรามีจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ ชาวกรีกโบราณมีจินตนาการว่าเป็นรูปหมี แต่คนไทยเรากลับมีจินตนาการเป็นรูปจระเข้
วิธีการใช้ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่สามารถนำมาซักแล้วใช้ใหม่ได้ ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุทางความปลอดภัย จะประหยัดนำมา Recycle ใช้ใหม่ไม่ได้นะครับ รวมทั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ถ้าได้ถอดกลางคันแล้ว ต้องทิ้งเลยครับ ดังนั้นจะต้องมีถุงยางมากกว่า1 อันเสมอไว้เป็นอะไหล่ ทีขับรถคุณยังมียางอะไหล่ แล้วใช้ถุงยางอนามัย ทำไมคุณไม่เตรียมอะไหล่ไว้ยามฉุกเฉินเช่น รั่ว หลุด แตก ล่ะครับ
การใช้ถุงยางอนามัยควรใช้ก่อนที่อวัยวะเพศทั้งสองฝ่ายจะสัมผัสกันเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการสวมจะต้องให้อวัยวะเพศชานแข็งตัวเต็มที่แล้ว จะใส่เองก็ได้ หรือจะให้ฝ่ายหญิงค่อยๆ บรรจงสวมใส่ให้โดยถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการเล้าโลมทางเพศก็ได้
ขั้นตอนการใช้ถุงยางอนามัยมีดังนี้
1. บรรจงฉีกซองอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบออกจากซองอย่างนิ่มนวล ระวังอย่าให้ถุงยางอนามัยสัมผัสกับเล็บหรือของประดับที่มีคม
2. ถุงยางอนามัยบรรจุในซองในลักษณะม้วนเป็นรูปวงแหวน ให้รอยม้วนอยู่ด้านนอก คลี่ถุงยางออกมาสัก 1 - 2 เซนติเมตร
3. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบกระเปาะ(ติ่งตรงปลาย)ไล่ลมออก น้ำมาครอบปลายอวัยวะเพศ (ถ้าหนังหุ้มยาว ต้องรูดขึ้นไปให้พ้นปลายหัว)
4. ใช้อีกมือรูดถุงยางขึ้นไปจนถึงโคน (อีกมือยังคงบีบปลายติ่งอยู่)
5. ถ้าใส่ถูกต้อง ตรงติ่งต้องแบนไม่มีลมอยู่ภายใน (ถ้าเป็นแบบปลายมา ต้องเหลือปลายถุงยางไว้สัก หนึ่งเซ็นติเมตร)ทั้งนี้เพื่อป้องกันถุงยางอนามัยแตก
6. ถ้าความหล่อลื่นไม่พอ ก็สามารถทาสารหล่อลื่นเพิ่มเติมได้ แต่ต้องหลังจากสวมใส่แล้ว และสารหล่อลื่นที่ใช้ ต้องเป็นสารที่มีส่วนผสมเป็นน้ำ หรือซิลิโคน เช่น ky - jelly อย่ามักง่าย ใช้วาสลินโดยเด็ดขาด เพราะวาสลินเป็นเจลที่มี petroleum เป็นส่วนประกอบ
7. หลังจากมังกรพ่นพิษ ห้ามรอดูผลงาน ห้ามแช่ ต้องรีบถอย ถอนสมอโดยเร็ว ก่อนที่นกเขาจะหลับ ไม่งั้นถุงยางจะหลุดค้างคาในถ้ำ
8. ตอนถอนสมอ มือต้องจับขอบปลายส่วนเปิดไว้ด้วย ไม่งั้นถุงยางอาจถูกหนีบออกแต่ตัว แต่เสื้อหลุดได้ และเมื่อออกมาแล้ว ต้องระมัดระวังมืออย่าไปโดนด้านนอกของถุงยางที่มีสารคัดหลั่งของฝ่ายหญิงอยู่ อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ (กรณีมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยา)
9. เมื่อถอดออกแล้ว จะทดสอบรอยรั่วได้โดยเอาไปรองน้ำจากก๊อกใส่ถุงยางที่ใช้แล้ว ถ้ารั่วก็จะเห็นได้
ภาพข้างล่างนี้ได้จากหนังสือหัตถการทางสูติศาสตร์และนรีเวช โดยศาสตราจารย์นายแพทย์เยื้อน ตันนิรันดร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำแนะนำ
1. ถุงยางอนามัยต้องบรรจุในซองซึ่งอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่ว และยังไม่หมดอายุ
2. กระดาษทิชชู
ข้อควรระวัง
ถุงยางอนามัยบรรจุในซองที่รั่ว หรือหมดอายุ

คำแนะนำ
ใช้มือฉีกซองถุงยางอนามัย ให้สังเกตว่าถุงยางอนามัยยังอยู่ในสภาพดี (โดยคลี่ออกไม่เกิน 1 นิ้วฟุต)
ข้อควรระวัง
ใช้กรรไกรหรือมีดตัดซองถุงยางอนามัย อาจทำให้ถุงยางอนามัยขาด

คำแนะนำ
1. สวมถุงยางอนามัย เมื่ออวัยวะแข็งเต็มที่
2. จับถุงยางอยามัยด้านที่จะรูดอยู่ด้านนอก โดยคลี่ถุงยางอนามัย ไม่เกิน 1 นิ้วฟุต
ข้อควรระวัง
1. สวมถุงยางตอนยังไม่แข็งเต็มที่
2. จับถุงยางอนามัยผิดด้าน

คำแนะนำ
บีบกระเปาะถุงยางอนามัยเพื่อไล่ลม ต้องบีบไว้จนใส่ถุงยางอนามัยเสร็จ
ข้อควรระวัง
อย่าลืมบีบไล่ลมนะครับ

คำแนะนำ
ใช้มืออีกข้างรูดคลี่ถุงยางออกจนสุดถึงโคน โดยต้องปล่อยให้มีที่ว่างสุญญากาศระหว่างปลายอวัยวะกับกระเปาะถุงยาง
ข้อควรระวัง
ไม่ต้องรูดจนสุดกระเปาะจนไม่มีช่องว่าง

คำแนะนำ
1. ภายหลังหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ให้รีบถอนอวัยวะออก พร้อมจับขอบตรงโคนด้วย ไม่งั้น ตัวออกแต่ปลอกค้างข้างใน
2. ใช้กระดาษทิชชูพันรอบโคน โดยไม่ให้สัมผัสกับน้ำจากช่องคลอด แล้วรูดถุงยางออกโดยอาจใช้นิ้วเกี่ยวด้านในของขอบถุงยาง
ข้อควรระวัง
1. อย่าหลับจนปล่อยให้อวัยวะอ่อนตัว
2. ระวังน้ำจากช่องคลอดเปื้อนมือหรืออวัยวะ

คำแนะนำ
1. การทิ้งควรทิ้งในถังขยะ หรือที่ระบุให้ทิ้ง หรือจะเอาไปเผา หรือฝังก็ได้
2. อย่าทิ้งลงชักโครก ชักโครกจะตันได้
ข้อควรระวัง
ระวังน้ำจากช่องคลอดเปื้อนมือหรืออวัยวะ
แพ้ถุงยางอนามัย
การแพ้ถุงยางอนามัย เกิดได้ แต่ไม่บ่อยนัก (ราว 7 %) อาจเกิดจากการแพ้โปรตีนในตัวยางธรรมชาติ หรือสารที่ผสมเพื่อผลิตยางธรรมชาติ หรือแพ้สารเคมีที่นำมาเคลือบถุงยางก็ได้ อาการแพ้ก็เหมือนการแพ้แบบสัมผัสทั่วๆไป คือมีผื่น คัน ระคายเคือง เป็นได้ทั้งชายและหญิง
กรณีที่แพ้ตัวยางธรรมชาติ ก็มีถุงยางอื่นให้เลือก เป็นถุงยางพลาสติก คือไม่ได้ทำจากยางธรรมชาติ แต่ทำจาก polyurethane
โดย....... นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ
[ ที่มา... http://www.clinicrak.com ]
ทางเวบคอนดอมไทยมีวิธีใส่ถุงยางแบบใหม่มาให้เพิ่มเติมค่ะ สำหรับมัดใจสามี ....!!!
การใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
(Microsoft Windows)
เนื้อหาจะเป็นการแนะนำ การใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ต่าง ๆ ที่จำเป็น ตั้งแต่การเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ การจับเม้าส์ การกดปุ่มบนเม้าส์ ตลอดจนการเปิดโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมา การปิดโปรแกรมต่าง ๆ เมื่อไม่ใช้งาน การแก้ไขเครื่องในกรณีเครื่องเกิดอาการ Hang การปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง
การเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
1. ตรวจสอบปลั๊กเสียก่อนว่า เสียบเรียบร้อยดีหรือไม่
2. ที่จอภาพ กดสวิทซ์ เพื่อเปิดจอภาพ
3. ที่ CPU. ด้านหน้า จะมีสวิทซ์ เพื่อเปิดเครื่อง (กดเบา ๆ )
4. เมื่อเปิดเครื่องแล้ว รอสักครู่ ที่จอภาพจะมีข้อความเพื่อตรวจสอบระบบต่าง ๆ
5. จากนั้น จะมีเสียง 1 ครั้ง
6. ที่หน้าจอภาพจะขึ้นคำว่า Windows เป็นการเริ่มต้นการใช้เครื่อง เพราะเครื่องจะต้องเรียกโปรแกรมควบคุมเครื่องที่ชื่อว่า Windows เสียก่อน (จะใช้เวลาประมาณ 3 นาที)
7. จากนั้นหน้าจอภาพจะมีโปรแกรมต่าง ๆ อยู่ด้านซ้าย และด้านล่างจะมีแถบ Task Bar ให้เราทำงานได้
การเลิกใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
1. คลิ๊กที่ปุ่ม Start
2. เลื่อนมาคลิ๊กที่คำสั่ง Shut Down
3. คลิ๊กปุ่ม Ok
4. รอสักครู่เครื่องจะเริ่มทำการปิดระบบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์
5. จากนั้นเครื่องจะดับเอง
6. ยกเว้น จอภาพ ให้กดสวิทซ์ ปิดจอด้วย
ส่วนประกอบของหน้าจอภาพเมื่อเข้าสู่วินโดวส์เรียบร้อยแล้ว
1. ส่วนที่เป็นภาพฉากหลัง เราเรียกว่า ส่วนพื้นจอภาพ (Desk Top)
2. ด้านซ้ายของจอภาพ ส่วนที่เป็นรูปภาพ และมีคำบอกว่าเป็นโปรแกรมอะไร เรียกว่า (Icon) ลักษณะจะเป็นโปรแกรมต่าง ๆ ที่วินโดวส์ จะนำมาไว้ที่จอภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมที่ถูกเรียกใช้บ่อย ๆ
3. ด้านล่างของจอภาพที่เป็นแถบสีเทา เราเรียกว่า (Task Bar) เป็นส่วนบอกสถานะต่าง ๆ โดยที่ด้านขวาของ ทาสบาร์ จะบอกเวลาปัจจุบัน สถานะของแป้นพิมพ์ว่า ภาษาไทย หรือ อังกฤษ โปรแกรมที่ถูกฝังตัวอยู่ ส่วนแถบตรงกลางจะใช้บอกว่า ขณะนี้เราเปิดโปรแกรมอะไรใช้งานอยู่บ้าง ด้านซ้ายของจอภาพ จะมีปุ่ม Start ใช้ในการเริ่มเข้าสู่โปรแกรมต่าง ๆ
การกดปุ่มบนเม้าส์ (Mouse) เม้าส์ในปัจจุบันจะมี 2 ปุ่ม ซ้าย และขวา ส่วนถ้าเป็นแบบล่าสุด จะมีปุ่มคล้าย ๆ ล้ออยู่ตรงกลางเพื่อใช้ในการเลื่อน ขึ้น และ ลง บนหน้าจอภาพ (Scroll Bar) ในการกดปุ่มบนเม้าส์นั้น จะมีวิธีกดปุ่มบนเม้าส์อยู่ทั้งหมด 4 วิธีคือ
1. คลิ๊ก (Click) คือการใช้นิ้วชี้กดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ 1 ครั้ง ใช้ในการเลือกสิ่งต่าง ๆ บนจอภาพ
2. ดับเบิ้ลคลิ๊ก (Double Click) คือการใช้นิ้วชี้กดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ 2 ครั้ง ติดกันอย่างเร็ว ใช้ในการเปิดโปรแกรมที่อยู่ด้านซ้ายของจอภาพ
3. แดร๊ก (Drag) คือการกดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์ ใช้ในการย้ายสิ่งต่าง ๆ
4. คลิ๊กขวา (Right – Click) คือการใช้นิ้วกลาง กดปุ่ม ขวา ของเม้าส์ 1 ครั้ง ใช้ในการเข้าเมนูลัดของโปรแกรม (Context Menu)
การเปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้งาน เช่น ต้องการเปิดโปรแกรมเครื่องคิดเลข (Calculator)
1. คลิ๊กที่ปุ่ม Start ตรงแถบทาสบาร์ด้านล่างซ้ายมือ
2. เลื่อนเม้าส์เพื่อให้ลูกศรที่จอภาพ ชี้ที่คำว่า Program ตรงนี้ชี้ไว้เฉย ๆ ครับ ไม่ต้องคลิ๊กเม้าส์
3. เลื่อนเม้าส์ไปทางขวา ในแนวนอนก่อน แล้วเลื่อนขึ้นไปที่คำว่า Accessories ไม่ต้องคลิ๊กเม้าส์
4. เลื่อนเม้าส์ไปทางขวา ในแนวนอนอีก แล้วเลื่อนลงมาที่คำว่า Calculator
5. จากนั้นจับเม้าส์ให้ นิ่ง ๆ คลิ๊กเม้าส์ 1 ที (คือการกดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ 1 ครั้ง)
6. กรอบต่าง ๆ จะหายไป แล้วเครื่องจะเปิดหน้าต่าง เครื่องคิดเลขขึ้นมา ถือว่าเสร็จขึ้นตอนการเปิดโปรแกรมเครื่องคิดเลข ขึ้นมาใช้งาน ครับ
การปิดโปรแกรม เครื่องคิดเลข
1. ที่หน้าต่างเครื่องคิดเลข (Calculator) ตรงด้านบน ขวา มือจะมีปุ่มอยู่ 3 ปุ่ม
2. ให้เลื่อนเม้าส์ ไปที่ปุ่มที่ 3 ทางขวามือ (ปุ่มจะเป็นรูป กากบาท X ) เมื่อเลื่อนเม้าส์ไปวางจะมีคำว่า Close
3. คลิ๊ก 1 ครั้ง เครื่องก็จะปิดหน้าต่างโปรแกรมเครื่องคิดเลขไป
การขยายหน้าต่างของโปรแกรมให้เต็มจอภาพ (Maximize)
1. ที่หน้าต่าง ด้านบน ขวามือ ให้คลิ๊ก ปุ่มที่สอง เครื่องจะมีข้อความขึ้นมาว่า Maximize (แต่ถ้าหน้าต่าง ถูกขยายขึ้นมาอยู่แล้ว คำจะเปลี่ยนเป็น Restore ถ้าคลิ๊กลงไปจะกลายเป็นหน้าต่าง ขนาดปกติครับ)
2. จากนั้นเครื่องจะขยายหน้าต่างให้เต็มจอ ส่วนใหญ่เราจะขยายหน้าต่างให้เต็มจอเพื่อให้เห็นรายละเอียดในหน้าต่างมากขึ้นครับ
การลดขนาดหน้าต่างเป็น Icon ลงใน ทาสบาร์ หรือ การซ่อนหน้าต่าง (Minimize)
1. ที่หน้าต่าง ด้านบน ขวามือ ให้คลิ๊กปุ่มที่เป็นขีด ลบ ถ้าเลื่อนเม้าส์ไปวางจะขึ้นคำว่า Minimize
2. คลิ๊กลงไป 1 ครั้ง เครื่องก็จะซ่อนหน้าต่าง ลงไปไว้ด้านล่างตรงทาสบาร์
3. ที่ทาสบาร์จะมีคำเป็นลักษณะปุ่มเขียนว่า ซ่อนโปรแกรมอะไรไว้
4. แต่ ถ้าอยากเรียกขึ้นมาใช้งานตามเดิม ให้คลิ๊กที่ปุ่มด้านล่างที่ทาสบาร์ที่เราซ่อนเอาไว้ เครื่องก็จะเปิดหน้าต่างโปรแกรมที่เราซ่อนเอาไว้ ขึ้นมาใช้งานได้ตามเดิม
การปิดโปรแกรมที่ทำให้เครื่องเกิดอาการแฮงค์ (Hang) อาการแฮงค์ คืออาการที่เราอาจจะเปิดโปรแกรมขึ้นมาหลายโปรแกรม แล้วทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานไม่ทัน หรือเราอาจจะคลิ๊กเม้าส์หลายครั้ง ในขณะที่เครื่องกำลังประมวลผลอยู่ จนเครื่องทำงานไม่ทัน เลยเกิดอาการแฮงค์ ซึ่งอาการแฮงค์นี้จะทำให้เราไม่สามารถคลิ๊กอะไรที่จอภาพได้เลย วิธีการแก้ไขเบื้องต้นคือ
1. ที่แป้นพิมพ์ ให้เรากดปุ่ม Ctrl + Alt ค้างไว้ แล้วอีกมือหนึ่ง กดปุ่ม Delete แล้วปล่อย
2. เครื่องจะขึ้นหน้าต่าง Task Manager ขึ้นมา
3. จากนั้น เราคลิ๊กที่โปรแกรมที่เราคิดว่าทำให้เครื่องแฮงค์
4. ด้านล่าง คลิ๊กที่ปุ่ม End Task เครื่องจะปิดโปรแกรมนั้นทิ้งไป
5. ถ้าไม่มีการปิดโปรแกรมอื่นอีก ก็ให้เลือกปุ่ม Cancel ออกมา
อันตรายจากการใช้ยา
1. การดื้อยาและการต้านยา (Drug Resistance and Drug Tolerance)
การดื้อยา เป็นภาวะที่เชื้อโรคต่างๆที่เคยถูกทำลายด้วยยาชนิดหนึ่งๆ สามารถปรับตัวจนกระทั่งยานั้นไม่สามารถทำลาย ได้อีกต่อไป เชื้อโรคที่ดื้อยาแล้วจะสามารถถ่ายทอดคุณสมบัตินี้ไปยังเชื้อโรครุ่นต่อไป ทำให้การใช้ยาชนิดเดิมไม่สามารถ ใช้ทำลายหรือรักษาโรคได้ ดังนั้นจึงควรใช้ยาให้ครบตามขนาดของยาที่แพทย์กำหนดและไม่ควรซื้อยามาใช้เอง ตัวอย่าง
ยาที่มักเกิดการดื้อยาได้แก่ ยาต่อต้านเชื้อ (Antibacterals) เช่น ยาซัลฟา เพนนิซิลิน เตตราไซคลิน สเตร็บโตไมซิน เป็นต้น
การต้านยา มีความหมายคล้ายการดื้อยา แต่การต้านยามีผลมาจากร่างกายของผู้ใช้ยา ไม่ใช่เป็นการปรับตัวของเชื้อโรค
ร่างกายจะสร้างเอ็นไซม์หรือใช้ระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมาทำลายยา ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ต้องใช้ยาในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง
ก่อให้เกิดอาการติดยา เช่น บาร์บิทูเรท มอร์ฟีน เป็นต้น
2. การใช้ยาในทางที่ผิดและการติดยา (Drug Abuse and Drug Dependence)
การใช้ยาในทางที่ผิด หมายถึง การนำยามาใช้ด้วยตนเอง และนำยามาใช้โดยมิใช่เป็นการรักษาโรค เป็นการใช้ยาไม่
ถูกต้อง และไม่ยอมรับในทางยา
การติดยา มักเป็นผลจากการนำยามาใช้ในทางที่ผิด เช่น แอมเฟตามีน เพื่อกระตุ้นสมองทำให้รู้สึกแจ่มใส ไม่ง่วง
หรือเพื่อลดความอ้วน เมื่อใช้ติดต่อกันนานๆจะมีผลต่อร่างกายและจิตใจ ให้มีความต้องการยาอยู่เสมอ และปริมาณ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าขาดยาอาจทำให้ถึงตายได้ เช่นเมื่อติดยาแอเฟตามีน จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน และเสียชีวิต
เพราะอาการผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด
3. การแพ้ยา (Drug Allergy or Hypersensitivity) เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับยาชนิดใดชนิดหนึ่งแล้ว ร่างกาย
จะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านยาชนิดนั้น เมื่อร่างกายได้รับยาชนิดเดิมอีก ตัวยาจะไปทำปฏิกิริยากับภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิด
การแพ้ยา โดยจะมีอาการดังต่อไปนี้ มีไข้ ช็อก หอบ หืด คัดจมูก ไอจาม ลมพิษ โลหิตจาง หรืออาจเสียชีวิตได้
จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์
4. ผลค้างเคียง (Side Effect) เป็นอาการปกติทางเภสัชวิทยาที่เกิดควบคู่กับผลทางรักษาทางยา ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน และ
มีความรุนแรงต่างกัน เช่น การใช้แอนทีฮีสตามีน มีผลในการลดน้ำมูก ลดอาการแพ้ แต่อาจมีผลค้างเคียงคือ ทำให้
ง่วงนอน ซึมเซา ควรหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักร และการขับรถ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ ได้ง่าย
5. พิษของยา (Toxic Effect) เกี่ยวข้องกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในระดับที่รุนแรงจนถึงขั้นเป็นพิษเป็นผลของยาที่ใช้ ถ้ายังเพิ่ม
ขนาดใช้ยา อาการพิษก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนอวัยวะนั้น ๆ พิการหรือเสื่อมสภาพไป หรือการใช้ยาในระยะเวลานานติดต่อกัน แม้
จะใช้ในขนาดปกติ ก็เกิดเป็นพิษได้ เนื่องจากพิษของยาเอง เช่น คลอแรมเฟนิคอล สเตียรอยด์ แอสไพริน ถ้าใช้นาน ๆ
หรือขนาดสูง ๆ โรคโลหิตจางและโรคติดเชื้อได้ง่าย ๆ พิษของยาอื่น ๆ อาจมีผลต่อระบบประสาท ระบบหัวใจ ระบบไหล
เวียนของโลหิต นอกจากนี้ยาบางชนิดซึ่งมารดาใช้ขณะตั้งครรภ์ จะมีผลต่อเด็กในครรภ์ขั้นรุนแรงได้
การเสื่อมและหมดอายุของยา
ยาทุกอย่างมีการเสื่อมอายุได้ทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะเปลี่ยนไปเป็นสารที่มีอันตรายโดยตรง หรืออาจไม่มีอันตรายโดยตรง แต่ทำให้ความรุนแรงของยาลดลง ซึ่งอาจทำให้รักษาโรค หรืออาการไม่ได้ผลเต็มที่ และเชื้อโรคดื้อยา จึงควรสังเกตการเสื่อมของยา เช่น
1. สังเกตกำหนดวันหมดอายุที่ภาชนะบรรจุยา โดยใช้คำว่า Exp. หรือ Exp.Date หรือ Used Before หรือ Potency Guaeanteed to. แล้วตามด้วยวัน เดือน ปี
2. ยาที่ไม่ได้บอกวันหมดอายุที่ภาชนะบรรจุของยา อาจบอกวันผลิต โดยใช้คำว่า Mfd.Date หรือ Manfd.Date หรือ Manu.Date แล้วตามด้วยวัน เดือน ปี และอาจบอกระยะเวลาของคุณภาพยาไว้ หากไม่กำหนดไว้ไม่ควรใช้ยาที่เก็บไว้นานเกิน 5 ปี
3. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของยา เช่น ลักษณะสี กลิ่น รส เป็นต้น
นอกจากนี้ในการซื้อยาด้วยตนเอง เราอาจได้รับยาปลอม หรือยาผิดมาตรฐาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน
อันตรายที่เกิดจากการใช้ยาปลอม ยาผิดมาตรฐาน และยาเสื่อมคุณภาพ
ยาปลอม ยาผิดมาตรฐาน และยาเสื่อมคุณภาพ เป็นยาที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าห้ามผลิต ห้ามนำเข้า และห้ามขาย หากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ยาที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานนั้น จะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ยาที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน พอจะสรุปสั้น ๆ ได้ดังนี้
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับยาที่มีตัวยาน้อยกว่าที่ควร หรือไม่มีตัวยาเลย ก็จะทำให้ปริมาณยาที่ได้รับนั้นน้อยจนไม่มีผลในการรักษา จะทำให้โรคไม่หายเกิดลุกลามมากขึ้น ถ้าเป็นโรคร้ายแรงอาจถึงตายได้ และถ้าเป็นยาปฏิชีวนะก็จะทำให้เชื้อโรคดื้อยา การรักษาจะยุ่งยากมากขึ้น
2. ถ้าผู้ป่วยได้รับยาที่มีตัวยามากเกินไป ก็จะทำให้เสี่ยงต่อพิษภัยของยามากขึ้น
3. ถ้าผู้ป่วยได้รับยาที่มีตัวยาเป็นยาอื่น ก็จะทำให้การรักษาไม่ได้ผล เช่นเดียวกับได้รับยาที่ตัวยาน้อยและยังอาจได้รับพิษจากยาที่ปนปลอมมาอีกด้วย
4. ยาที่หมดอายุ นอกจากจะไม่มีฤทธิ์ในการรักษาแล้ว ยาที่หมดอายุแล้วบางตัวยังเป็นพิษต่อร่างกายด้วย เช่น เตตราซัยคลิน ที่หมดอายุจะเป็นพิษต่อไต
5. ยาที่เปลี่ยนแปลงสภาพไปไม่ควรใช้ เช่น แอสไพรินที่เก็บไว้นาน ๆ จะมีผลึกของกรดซาลิซิลิค ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ระคายเคืองกระเพาะมาก และไม่ให้ผลในการบรรเทาปวดลดไข้
ข้อแนะนำในการหลีกเลี่ยงการใช้ยาปลอม ยาผิดมาตรฐาน และยาเสื่อมคุณภาพ ก็คือซื้อยากับเภสัชกรโดยตรง ไม่ซื้อยาที่บรรจุในภาชนะที่ไม่มีฉลากแสดงชื่อยา บริษัทก็ซื้อยากับเภสัชกรโดยตรง ไม่ซื้อยาที่บรรจุไม่มีฉลากแสดงชื่อยา บริษัทผู้ผลิต หมายเลขทะเบียนยา ไม่ซื้อยาชุด ยาที่มีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ และยาที่มีผู้นำมาเร่ขาย

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิธีทรมาน แมลงสาบ อย่าง สุดโหด ( โรค จิต )>ขั้นตอนการทรมานแมงสาบ...>เริ่มด้วย ถ้าพบเห็นมันวิ่งพล่านภายในบ้าน>ให้เราวิ่งไปหยิบแก้วที่ไม่ค่อยใช้แล้ว>จากนั้นอาศัยจังหวะที่มันเผลอ>รีบเอาแก้วครอบมันอย่างรวดเร็ว>ถ้าแม้ว่าจะทับขามันซักข้างก็คงไม่เป็นไร . . . สม!!>แล้วทำการเขย่าถูไปถูมากับพื้น>โดนที่ปากแก้วต้องคว่ำอยู่ ห้ามให้มันหนีออกมาได้เด็ดขาด>มันจะเริ่ม ฉงนงงงวยจากการที่เราใส่อารมกับมันมากไป>จะทำให้ปากแก้วทับขามันอีกซัก สอง ข้าง ก็ไม่เป็นไร>ช่างมันไม่ต้องไปสนใจ และให้รีบวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ทรมานดังต่อไปนี้>>1.น้ำหอม>2.กาวยาง (อนุโลมให้ใช้กาวลาเท๊กขวดละ 5 บาท ได้)>3.ไปก้อนเขียว>4.เทียนไข พร้อมไม้ขีดไฟ>5.แป้งเย็นตรางู>6.*สำคัญมาก คือ กระจกเงา>>เอาล่ะ...เมื่อได้ของท! ี่เราต้องการมาพร้อมแล้ว>ไอ้ช่วงที่เราไปเตรีมอุปกรณ์เนี่ย เจ้าแมงสาบมันคงตะเกียกตะกาย>เพื่อหาทางออกอย่างสุดชีวิต ตามสัญชาติญาณของมัน>จนกระทั่งมันท้อแท้กับชีวิต หมดสิ้นหนทางที่จะดิ้นรนต่อไป>พูดง่ายๆตามภาษาแมงสาบ "เมิงฆ่ากูซะเหอะ">เท่านี้เราก็ไม่ต้องไปบังคับอะไรมันมาก>เนื่องจากมันหมดเรี่ยงแรงที่จะต่อสู้ขัดขืนแล้ว>ซ้ำยังพิการจากการที่ถูกปากแก้วทับขามันอีก...ฮี่ ๆ ๆ>เอาล่ะ เริ่มการทรมานได้>>เอากาวยาว(ลาเท๊ก) หยอดลงบนพื้นข้างๆแก้วที่ปิดมันไว้>บรรจงหยดให้มีปรืมาณเท่าๆกับตัวของแมงสาบโง่ตัวนั้น>แล้วค่อยๆเลื่อนแก้วมาครอบกาวที่เราหยดไว้>ทีนี้มันจะพยายามขัดขืนเฮือกสุดท้ายนิดนึง ด้วยการดิ้น ๆ ๆ>จนมันไปติดกาวที่เราหยดไว้...>ทันทีที่มันติด ให้เราค่อยๆแง้มปากแก้ว>เพื่อที่ให้มันดีใจขึ้นมานิสสสนึงแล้วดิ้นเฮือกสุดท้าย>แต่มันสายไปเสียแล้ว ร่างของมันทุกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา>จากนั้นบรรจงฉีดไปก้อนเขียวเข้าไปนิดนึง ...ย้ำ นิดเดียว>เอาแค่พอมึนๆ ทิ้งไว้ซักระยะ (กะว่ามันคงอยากจะอวกเต็มที)>เราก็ฉีดน้ำหอมเข้าไปเป้นการปลอบใจ...>ช่วงนี้เ! ราจะเห้นหน้าของมันยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนอยู่บนสวรรค์>หารู้ไม่ว่า... ตอนนี้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้อีกแล้ว>เพราะกาวจะแห้งพอดิบพอดี...>ตอนนี้ก็เอาแก้วที่ครอบออกได้เลย>เป้นการปลดปล่อยพันธนาการให้กับมัน>ตอนนี้เราจะเห็นมันพยายามที่จะลุกขึ้น... ฮ่าๆๆ>เสียใจโว้ยยย ขยับไม่ได้ล่ะซ๊... ฮี่ๆๆ>ถ้าสังเกตดีๆท่านจะเห้นน้ำตาคลอเบ้า ตาแดงกล่ำ>ด้วยความแค้นสุดๆ . . .เราจึงค่อยๆ>ช่วยให้มันร้องไห้ออกมาได้อย่างเต็มที่>ด้วยน้ำตาเทียน. . . ใช่ครับ จุดเทียนที่เราเตรียมมา>แล้วค่อยๆหยดลงบนตัวมัน ทีละหยด ทีละหยด...อิ อิ>หยดแรกที่แทรกผ่านอากาศ และด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก>ลงไปกระทบที่ตัวมัน ดัง (แปะ)>คุณจะเห้นอาการปวดแสบปวดร้อนดิ้นทุรนทุรายของมัน>เนื่องจากน้ำตาเทียนจะร้อนมาก (ไม่เชื่อลองหยดใส่แขนสิ)>แต่เราจะมีวิธีช่วยให้มันหายร้อน ด้วย แป้งตรางู... หึ หึ>โรยมันลงไปเลยครับ คิดว่าเหมือนคุณโรยพริกไทยลงในกระเพราะปลานั่นแหล่ะ...>คุณจะเห็นมันสบัดหน้า เนื่องจากแป้งเข้าตา ... 555+>เหมือนรายการระเบิดเถิดเทิงเลยครับ...>ตัวขาวไปหมด น่ารักน่าชังซะนี่กะไร...แล้วมันก็จะตรอมใจตายในที่สุด>เมื่อเห็นสารรูปตัวเองในกระจกเงา>5555555555555555555555555555555555555+GETมั้ย

วิธีการเล่นกีฬาแชร์บอล
การเล่นแชร์บอลประกอบด้วยผู้เล่น 2 ฝ่าย ๆละ 7 คน โดยมีผู้เล่นสำรองอีกฝ่ายละ 5 คน ซึ่งไม่ได้แบ่งหน้าที่กันอย่างเด่นชัดเหมือนกีฬาชนิดอื่น เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล ผู้เล่นที่ดูว่าจะมีตำแหน่งเฉพาะตัวอยู่จะเห็นจะเห็นได้แก่ผู้เล่นที่ทำหน้าที่ถือตระกร้า เละผู้ที่ป้องกันตระกร้าเท่านั้นที่เหลืออีก 5 คนต่างคนต่างฟทำหน้าที่ของตนไป จะขอกล่าวถึงตำแหน่งและหน้าที่ของผู้เล่นแต่ละคนดังนี้1.ผู้ถือตะกร้า ผู้ถือตะกร้าเป็นผู้มีหน้าที่รับลูกบอลซึ่งผู้เล่นฝ่ายเดียวกันเป็นผู้ดยนอาจเรียกว่า ยิงประตูลงตะกร้า เพื่อนทำคะแนน ผู้ถือตะกร้าจะยืนอยู่บนเก้าอี้ 4 ขา ถือตะกร้า 1 ใบ ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ต้องเป็นผู้ที่มีสายตาดีรับลูกด้วยตะกร้าได้อย่างแม่นยำ มีการทรงตัวดีมาก ผู้ถือตะกร้าจะรับลูกบอลในลักษณะใดก็ได้ที่ไม่เป็นการรบกวนหรือกีดกันการป้องกันตะกร้า2.ผู้ป้องกันตะกร้า ผู้ป้องกันตะกร้าเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีสิทธิเข้าไปเล่นในเขคตป้องกันตะกร้าได้และยังสามารถออกมาร่วมเล่นได้เช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่นๆในสนาม ผู้ป้องกันตะกร้ามีหน้าที่คอยกระโดดปัดลูกที่ฝ่ายตรงข้ามโยนหรือยิงประตูให้ลงตะกร้า เมื่อสามารถแย่งลูกมาไว้ในครอบครองได้แล้ว ผู้ป้องกันตะกร้าจะต้องส่งลูกไปให้ผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ต้องมีรูปร่างสูง แขนยาว กระโดดได้สุง ส่งลูกได้แม่นยำ มีกำลังแขนดี สามารถส่งลูกไปในระยะไกลได้ด้วย3.ผู้เล่นทั้ง 5 คน ผู้เล่นอีก 5คนที่ลงสนาม แต่ละคนในทีมไม่มีตำแหน่งหน้าที่เด่นชัดเนื่องจากีฬาแชร์บอลเล่นกันภายในสยามไม่กว้างนัก ทุกคนสามารถสลับเปลี่ยนตำแหน่งช่วยกันรับลูกและส่งลูกบอลเพื่อบยิงประตู โดยอาศัยการฝึกฝน มีระบบและแผนการเล่นที่สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี พร้อมที่จะวิ่งเพื่อนรับเละส่งลูกไปในบริเวรสนามได้ทุกขณะ ผู้เล่นทั้ง 5 คนจึงต้องมีสมรรรถภาพกายที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง ความเร็ว ความไว ความอ่อนตัวสามารถรับและส่งลูกบอลรวมทั้งยิงประตูได้อย่างแม่นยำก็จะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบคู่แข่ง

Checklist ความชรา และ 100 วิธีสวยสุขภาพดี
คุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ส่อเค้าใกล้จะหมดสวยแล้วหรือเปล่า

1. ราตรีนี้อีกยาวไกล ยิ่งดึกยิ่งตาสว่าง ทำยังไงก็หลับไม่ลงเสียที
2. รู้ทั้งรู้ว่าต้องดื่มน้ำมาก ๆ แต่ไม่เคยดื่มได้ถึงวันละ 8 แก้วหรอกนะ
3. เป็นสิงห์อมควันตัวฉกาจ
4. สาวคอแข็ง ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา
5. นั่งอยู่ในตึกทั้งวันจะทาครีมกันแดดให้เปลืองไปทำไม
6. สู้งานไม่หวั่น ให้บุกน้ำลุยไฟ ท้าแดดท้าลมก็ไม่สบายมาก
7. สาวผู้ไม่ปล่อยวาง นักยึดติดทุกสิ่งอย่างไว้กับตัว
8. สาวกมีทเลิฟเวอร์ ผู้ปฏิเสธผักและผลไม้ทุกชนิด
9. ฝันถึงการออกกำลังกายเสมอ แต่ไม่เคยลงมือทำเสียที
10. รู้นะว่าฟาสต์ฟู้ดไม่ดี แต่ไม่มีเวลากินอย่างอื่นนี่นาทำยังไงได้ ถ้าคำตอบของคุณ คือ "ใช่" เกินกว่า 5 ข้อ รีบหยิบกระจกมาส่องมองหาความหมองคล้ำ หรือริ้วรอยบนใบหน้าได้เลยค่ะ100 วิธีสวยจากศีรษะจรดปลายเท้า"ผม" ต้องแคร์To doการหวีผมด้วยแปรงก่อนนอนทุกวัน วันละ 10 นาที ทำให้ผมเงางาม เพราะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมมากขึ้นควรเช็ดผมให้หมาดก่อนดราย เพื่อป้องกันให้ผมร่วง แห้ง และแตกปลายเลือกใช้แชมพูที่เป็นกลางจะมีค่า PH 7 ซึ่งเหมาะกับเส้นผมทุกชนิดถึงแม้จะสระผมบ่อยก็จะไม่ทำให้ผมแห้ง To eatไข่ นมพร่องมันเนย ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นให้ผมยาวเร็วและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมลูกพรุน และอาหารทะเล มีแร่ธาตุทองแดงซึ่งช่วยให้รากผมแข็งแรงกรดแพนโทเทนิคในผักสีเขียว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง และธัญพืช ทำให้เส้นผมเจริญงอกงาม ชุ่มชื้นและรักษาเส้นผมให้นุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติแครอทมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรงน้ำมันงาและถั่วแดงช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางามและลดการเกิดผมหงอกได้สาหร่ายมีไอโอดีนทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม Secret Recipeสูตรเปลี่ยนสีผมสีน้ำตาลธรรมชาติ สระผมให้สะอาดแล้วนำเบียร์สด (ชนิดไม่แช่เย็น) 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง ชโลมให้ทั่ว คลุมผมด้วยหมวกพลาสติกพักไว้ 1-2 ชั่วโมง ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วล้างน้ำสุดท้ายด้วยน้ำมะนาวคั้นสด 1 ผล เกลือทะเลบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 2 แก้ว ทำทุกวัน 1-2 สัปดาห์หมักผมด้วยกล้วยหอมบดกับน้ำมันมะกอกประมาณ 15 นาทีก่อนสระผมสัปดาห์ละครั้ง ช่วยให้ผมสลวยเป็นเงางามใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ หมักผมประมาณ 30 นาที ก่อนสระผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย ลดการแตกปลาย ผิวหน้าเปล่งปลั่ง อ่อนวัยTo doการล้างหน้าบ่อยเกิน 2 ครั้งต่อวัน จะกระตุ้นให้เกิดสิวและผิวแห้งการทาครีมกันแดดควรทาให้เคลือบทั่วไปหน้า แต่ไม่นวดให้ซึมเข้าสู่ผิว เพื่อให้ครีมกันแดดเป็นปราการด่านแรกที่กระทบกับแสงแดดควรทดสอบคลีนซิ่งออยล์ก่อนซื้อทุกครั้ง ผลการสำรวจพบว่าคนไข้ 30 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการผดผื่นบนใบหน้า มีสาเหตุมาจากการอุดตันของคลีนซิ่งออยล์ใช้ทิชชู่ห่อน้ำแข็งถูให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณทีโซน ประมาณ 2 นาที ทุกเช้าเย็น จะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าได้การใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางนวดวนจากข้างจมูกขึ้นไปที่โหนกแก้มก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง จะช่วยให้แก้มกระชับอยู่เสมอใช้น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) แต้มสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น ทาน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เพียงนำมาแต้มบริเวณหัวสิวน้ำผึ้งมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ส่วนยางผึ้งมีฤทธิ์กำจัดแบคทีเรียและสมานผิว เมื่อนำมาแต้มรอยสิวที่ยังไม่แห้งจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นทาน้ำส้มสายชูช่วยรักษาผิวไหม้แดด เพราะเมื่อน้ำส้มสายชูระเหยจะนำความร้อนจากผิวไหม้แดดออกไป น้ำส้มสายชูยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบและคันจากผิวไหม้แดดได้ใช้น้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นกระช่วยให้รอยกระจางลงได้ To eatวิตามินบี 5 จากจมูกข้าว ช่วยลดผื่นแดง ผื่นแพ้ และช่วยลดกระได้ข้าวกล้องมีเส้นใยช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายดี ส่งผลให้หน้าใสและไม่มีกลิ่นตัวแร่ธาตุสังกะสีซึ่งมีอยู่ในเมล็ดฟักทองช่วยรักษาผิวอักเสบและรอยคล้ำบนใบหน้าการดื่มน้ำแครอท 2-4 แก้วต่อวัน จะช่วยลดการเกิดสิวได้อาหารที่มีวิตามินบี 6 เช่น อะโวคาโด กล้วย ถั่วเมล็ดแห้ง มันฝรั่ง ช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมน และบรรเทาอาการอักเสบของสิวได้สำหรับคนที่เป็นสิวก่อนประจำเดือน ลองดื่มชาเชสเบอร์รี่ (Chaste berry) วันละ 1-2 ถ้วย เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน ลดการเกิดสิว แต่ต้องดื่มติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน Secret Recipeผสมมะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้นำอะโวคาโดมาปอกเปลือก สับ และทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที วิตามินอีในอะโวคาโดจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นผสมโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติกับน้ำมันงาบริสุทธิ์ พอกผิวหน้าไว้ประมาณ 10 นาที ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้ดีใช้หัวไชเท้าบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้าได้ เอวกิ่ว สะโพกกระชับTo doการนวดวนขณะอาบน้ำเป็นประจำ ช่วยลดปัญหาเซลลูไลต์ได้บริหารต้นขาง่ายๆ ทุกเช้า โดยนอนตะแคงข้างแล้วยกขาขึ้นลง ข้างละ 15 ครั้ง จะช่วยลดไขมันและกระชับกล้ามเนื้อต้นขาได้ To eatหันมากินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง เผือก ช่วยลดการสะสมของไขมันบริเวณเอวและสะโพกได้การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมัน รวมทั้งน้ำมันปลา ถั่ว และธัญพืช ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่วช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมอยู่ในเซลลูไลต์ได้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนม เนย น้ำตาลบริสุทธิ์ คาเฟอีน และอาหารมันๆ เพราะกระตุ้นให้เกิดการสะสมของเซลลูไลต์มากขึ้น Secret Recipeนำส้มเขียวหวานปอกเปลือกและแกะเม็ด คลุกกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะและข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ขัดเบาๆ บริเวณที่มีเซลลูไลต์สัปดาห์ละ2 ครั้ง จะช่วยลดปริมาณเซลลูไลต์ได้
1.ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับ 1 พันปอนด์ต่อปี
2.ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมาด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงที่ตัดไฟด้วยตัวเอง
3.เปลี่ยนหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดที่เรียกว่า Compact Fluorescent Lightbulb (CFL) เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลายปีมาก
4.เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40% สามารถหาซื้อหลอดไฟ LED ที่ใช้สำหรับโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นได้ด้วย จะเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการให้มีแสงสว่างส่องทาง เช่น ริมถนนหน้าบ้าน การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี
5.ช่วยกันออกความเห็นหรือรณรงค์ให้รัฐบาลพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับภาคการผลิต ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบต่างๆ หรือการใช้ก๊าซโซลีน เป็นรูปแบบการใช้ภาษีทางตรงที่เชื่อว่า หากโรงงานต้องจ่ายค่าภาษีแพงขึ้นก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 5%
6.ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ด้วยการปั่นจักรยาน ใช้รถโดยสารประจำทาง หรือใช้การเดินแทนเมื่อต้องไปทำกิจกรรมหรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ำมันลดลง และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ำมันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 20 ปอนด์7.ไปร่วมกันประหยัดน้ำมันแบบ Car Pool นัดเพื่อนร่วมงานที่มีบ้านอาศัยใกล้ๆ นั่งรถยนต์ไปทำงานด้วยกัน ช่วยประหยัดน้ำมัน และยังเป็นการลดจำนวนรถติดบนถนน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมด้วย
8.จัดเส้นทางรถรับส่งพนักงาน ถ้าในหน่วยงานมีพนักงานจำนวนมากอาศัยอยู่ในเส้นทางใกล้ๆ กัน ควรมีสวัสดิการจัดหารถรับส่งพนักงานตามเส้นทางสำคัญๆ เป็น Car Pool ระดับองค์กร
9.เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ
10.มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการจะได้ใบรับรองนั้น จะต้องมีการประเมินสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ
11.ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมู ไก่ ปลา ในตลาดสดใกล้บ้าน แทนการช็อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ที่อาหารสดทุกอย่างมีการ***บห่อด้วยพลาสติกและโฟม ทำให้เกิดขยะจำนวนมาก
12.เลือกซื้อเลือกใช้ เมื่อต้องซื้อรถยนต์ใช้ในบ้าน หรือรถยนต์ประจำสำนักงานก็หันมาเลือกซื้อรถประหยัดพลังงาน รวมทั้งเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน
13.เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดตามความจำเป็น โดยพิจารณาจากขนาดครอบครัวและประโยชน์การใช้งาน รวมทั้งพิจารณารุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบราคา
14.ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเลือกรถโฟว์วีลขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เพราะกินน้ำมันมาก และตะแกรงขนสัมภาระบนหลังคารถก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักรถให้เปลืองน้ำมัน
15.ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์แต่ละคันที่ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปี
16.ขับรถเที่ยวไปลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมกัน เพราะมีบริษัทเช่ารถใหญ่ๆ 2-3 รายมีรถรุ่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใช้เอทานอล หรือน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ ด้วย ลองสอบถามบริษัทรถเช่าเมื่อเดินทางไปถึง
17.เลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีมาตรการประหยัดน้ำ ประหยัดพลังงาน และมีระบบจัดการของเสีย มองหาป้ายสัญลักษณ์ เช่น โรงแรมใบไม้สีเขียว มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ
18 เช็กลมยาง การขับรถที่ยางลมมีน้อยอาจทำให้เปลืองน้ำมันได้ถึง 3% จากภาวะปกติ
19.เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้น
20.โละทิ้งตู้เย็นรุ่นเก่า ตู้เย็นที่ผลิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะใช้ไฟฟ้ามากเป็น 2 เท่าของตู้เย็นสมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟลงได้มาก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กิโลกรัมต่อปี
21.ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่างฉลาด ไม่นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้ำแข็งเกาะ และทำความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์
22.ริเริ่มใช้พลังงานทางเลือกในอาคารสำนักงาน เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุด
23.ใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ ในการตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่จำเป็น เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า
24.ใช้น้ำประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำให้น้ำสะอาด และดำเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน
25.ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำที่ปรับความแรงน้ำต่ำๆ ได้ เพื่อจะได้เปลืองน้ำอุ่นน้อยๆ (เหมาะทั้งในบ้านและโรงแรม)
26.ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้า
27.สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดพลังงานในการกำจัดขยะ ลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด
28.ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออกจากขยะอื่นๆ ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ 29.ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน

30.นำแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคารบ้านเรือน โดยใช้การออกแบบบ้าน และตำแหน่งของช่องแสงเป็นปัจจัย ซึ่งจะช่วยลดจำนวนหลอดไฟและพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้
31.ปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ 1 ต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน
32.ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี
33.ใช้ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยลดความร้อนในตัวอาคารสำนักงานหรือบ้านพักอาศัย ทำให้สามารถลดความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการลดการใช้ไฟฟ้า
34.ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติแทน
35.ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และการเผากำจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ
36.เลือกซื้อสินค้าที่มี***บห่อน้อยๆ ***บห่อหลายชั้นหมายถึงการเพิ่มขยะ*กหลายชิ้นที่จะต้องนำไปกำจัด เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยไม่จำเป็น
37.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจาก***บห่อของบรรจุภัณฑ์
38.ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เพราะกระบวนการผลิตกระดาษแทบทุกขั้นตอนใช้พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าจำนวนมาก
39.เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล กระดาษรีไซเคิลช่วยลดขั้นตอนหลายขั้นตอนในกระบวนการผลิตกระดาษ
40.ตั้งเป้าลดการผลิตขยะของตัวเองให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน หรือมากกว่า เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและลดก๊าซเรือนกระจกได้*กจำนวนมาก เมื่อลองคูณ 365 วัน กับจำนวนปีที่เหลือก่อนเกษียณ
41.สนับสนุนสินค้าและผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่งผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายในพื้นที่ไกลๆ
42.บริโภคเนื้อวัวให้น้อยลง ทานผัก (ปลอดสารพิษ) ให้มากขึ้น ฟาร์มเลี้ยงวัว คือ แหล่งหลักในการปลดปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ หันมารับประทานผักให้มากขึ้น ทานเนื้อวัวให้น้อยลง
43.ทานสเต๊กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ๆ ให้น้อยลง เพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติ ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18% สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์จากมูลวัวและมีเทน ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากลักษณะทางธรรมชาติของวัวที่ย่อยอาหารได้ช้า (มีกระเพาะอาหาร 4 ตอน) มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า ในขณะที่ไนตรัสออกไซด์ก่อผลได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 296 เท่า
44.ชักชวนคนอื่นๆ รอบข้างให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ให้ความรู้ความเข้าใจและชักชวนคนใกล้ตัว รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวคุณ เพื่อขยายเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนให้กว้างขวางขึ้น
45.ร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน แล้วลองเสนอกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือ เพื่อลงมือทำกิจกรรมสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง และส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
46.เลือกโหวตแต่พรรคการเมืองที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จริงใจ และตั้งใจทำจริง เพราะนักการเมืองคือคนที่เราส่งไปเป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โปรดใช้ประโยชน์จากพวกเขาตามสิทธิที่คุณมี ด้วยการเลือกนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดปัญหาโลกร้อน 47.ซื้อให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น อยู่อย่างพอเพียง เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนาก็สามารถช่วยได้ด้วยการ
48.ลดการเผาป่าหญ้า ไม้ริมทุ่ง และต้นไม้ชายป่า เพื่อกำจัดวัชพืชและเปิดพื้นที่ทำการเกษตร เพราะเป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจำนวนมาก นอกจากนั้นการตัดและเผาทำลายป่ายังเป็นการทำลายแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ
49.ปลูกพืชผักให้หลากหลายและปลูกตามฤดูกาลในท้องถิ่น เป็นการลดการปลูกพืชผักนอกฤดูกาลที่ต้องใช้พลังงานเพื่อถนอมอาหาร และผ่านกระบวนการบรรจุเป็นอาหารกระป๋อง
50.รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำมันในการคมนาคมขนส่งพืชผักผลไม้ไปยังตลาด
51.ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร นอกจากจะเป็นการลดปัญหาการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลกแล้ว ในระยะยาวยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต และทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น โปรดปรึกษาและเรียนรู้จากกลุ่มเกษตรกรทางเลือกที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย สถาปนิกและนักออกแบบ
52.ออกแบบพิมพ์เขียวบ้านพักอาศัยที่สามารถช่วย “หยุดโลกร้อน” การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยคิดถึงการติดตั้งระบบการใช้พลังงานที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ แต่ใช้งานได้จริง ลองคิดถึงวิธีการที่คนรุ่นปู่ย่าใช้ในการสร้างบ้านสมัยก่อน ซึ่งมีการพึ่งพาทิศทางลม การดูทิศทางการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในบ้านได้ถึง 40%
53.ช่วยออกแบบสร้างบ้านหลังเล็ก บ้านหลังเล็กใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ และใช้วัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างน้อยกว่า สื่อมวลชน นักสื่อสารและโฆษณา54.ใช้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักกับสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน และทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นของท้องถิ่น
55.สร้างความสนใจกับสาธารณชน เพื่อทำให้ประเด็นโลกร้อนอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง
56.ช่วยกันเล่าความจริงเรื่องโลกร้อน โปรดช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น
57.เป็นผู้นำกระแสของสังคมเรื่องชีวิตที่พอเพียง ต้นตอหนึ่งของปัญหาโลกร้อนก็คือกระแสการบริโภคของผู้คน ทำให้เกิดการบริโภคทรัพยากรจำนวนมหาศาล ชีวิตที่ยึดหลักของความพอเพียง โดยมีฐานของความรู้และคุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงน่าจะเป็นหนทางป้องกันและลดปัญหาโลกร้อนที่สังคมโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่
58.ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อร่วมรับผิดชอบสังคม ออกแบบงานโฆษณาที่สอดแทรกประเด็นปัญหาของภาวะโลกร้อนอย่างมีรสนิยม เรื่องที่เป็นจริงและไม่โกหกครู อาจารย์
59.สอนเด็กๆ ในขั้นเรียน เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน
60.ใช้เทคนิคการเรียนรู้หลากหลายจากกิจกรรม ดีกว่าสอนโดยให้เด็กฟังครูพูดและท่องจำอย่างเดียว นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกร
61ค้นคว้าวิจัยหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
62.ศึกษาและทำวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อพื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย
63.ประสานและทำงานร่วมกับนักสื่อสารและโฆษณา เพื่อแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสู่การรับรู้และเข้าใจของประชาชนในสังคมวงกว้าง นักธุรกิจ อุตสาหกรรมและบริการ
64.นำก๊าซมีเทนจากกองขยะมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ด้วยการลงทุนพัฒนาให้เป็นพลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ แต่มีต้นทุนต่ำ
65.สนับสนุนนักวิจัยในองค์กร ค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพในการลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
66.เป็นผู้นำของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม หากยังไม่มีใครเริ่มต้นโครงการที่ช่วยหยุดปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ก็จงเป็นผู้นำเสียเอง
67.สร้างแบรนด์องค์กรที่เน้นการดูแลและใส่ใจโลก ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความรับผิดชอบที่มาจากภายในองค์กร นักการเมือง ผู้ว่าราชการฯ และรัฐบาล
68.วางแผนการจัดหาพลังงานในอนาคต รัฐจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อมุ่งจัดการแก้ไขปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่มองไปข้างหน้าอย่างน้อยที่สุด 50 ปี
69.สนับสนุนให้มีการพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และการพัฒนาระบบให้มีต้นทุนต่ำและคุ้มค่าในการใช้งาน
70.สนับสนุนกลไกต่างๆ สำหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีและการลดต้นทุน
71.สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน รัฐบาลควรหามาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานอื่นๆ ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ
72.มีนโยบายทางการเมืองที่ชัดเจนในการสนับสนุนการ “หยุดภาวะโลกร้อน” เสนอต่อประชาชน
73.สนับสนุนโครงสร้างทางกายภาพ เมื่อประชาชนตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น จัดการให้มีโครงข่ายทางจักรยานที่ปลอดภัยให้กับประชาชนในเมืองสามารถขับขี่จักรยาน ลดการใช้รถยนต์
74.ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนในกรุงเทพมหานครอย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ
75.ส่งเสริมเครือข่ายการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรทางเลือก เกษตรกรจำนวนมากเป็นตัวอย่างที่ดีของการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลก ซึ่งการส่งเสริมการตลาดสีเขียวด้วยการสร้างเครือข่ายการตลาดที่กระจายศูนย์ไปสู่กลุ่มจังหวัดหรือภูมิภาค จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งผลผลิตไปยังตลาดไกลๆ *กด้วย
76.ริเริ่มอย่างกล้าหาญกับระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ เพื่อลงทุนกับทางเลือกและทางรอดในระยะยาว
77.พิจารณาใช้กฎหมายการเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สำหรับภาคอุตสาหกรรม
78.เปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บภาษี นั่นคือการสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่สามารถสะท้อนให้เห็นต้นทุนทางอ้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้สังคมต้องแบกรับภาระนั้นอย่างชัดเจน เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากถ่านหิน ก็จะต้องรวมถึงต้นทุนในการดูแลรักษาสุขภาพที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากปัญหามลพิษ และต้นทุนความเสียหายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
79.ปฏิรูปภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายของชีวิตอย่างพอเพียง ที่สามารถยืนหยัดอยู่รอดอย่างเข้มแข็งในสังคมโลก เริ่มต้นด้วยการใส่ประโยคที่ว่า ประเทศไทยจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญได้นักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนและสร้างจิตสำนึกใหม่ให้สังคม การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับกิจกรรมที่มีผลทำลายสภาพแวดล้อมให้สูงขึ้นเป็นการชดเชย เช่น กิจกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอน ภาษีจากกองขยะ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกนำแนวคิดนี้ไปใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ปัจจุบันนี้ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปก็ร่วมดำเนินการด้วย และพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ไม่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนระดับการจัดเก็บภาษี หากแต่มีผลกับโครงสร้างของระบบภาษีเท่านั้น
80.กำหนดทิศทางประเทศให้มุ่งสู่แนวทางของการดำเนินหรือไม่
100 วิธีรักษาสิ่งแวดล้อม
1. ใช้ผ้าแทนกระดาษทิชชู เราใช้กระดาษทิชชู เช็ดมือ เช็ดหน้า ปีละหลาย ล้านฟุต ซึ่งหมายถึง การโค่นต้นไม้ลงจำนวน มหาศาลช่วยกันลดการใช้กระดาษทิชชู ด้วยการ วางผ้าเช็ดมือไว้ใกล้อ่างล้างมือ และใช้ผ้าเช็ดโต๊ะแทนการใช้ กระดาษทิชชูเช็ด
2. ใช้ถุงพลาสติก ซ้ำหลายๆ ครั้ง ประหยัดถุงพลาสติกได้ โดยการใช้ซ้ำหลายๆ ครั้ง หากถุงพลาสติกสกปรก ก็ให้ทำความสะอาด แล้วแขวนไว้ให้แห้ง เพื่อส่งกลับเข้าโรงงาน สำหรับผลิตใหม่
3. แยกทิ้งเศษกระดาษ จากขยะอื่น โปรดหลีกเลี่ยงการทิ้ง เศษกระดาษ ลงในถังเดียว กับขยะอื่นๆ เพราะจะทำให้ กระดาษเปรอะเปื้อน ไขมัน และเศษอาหารจะทำให้ เศษกระดาษนั้นนำไปผลิตใหม่อีกไม่ได้
4. กระดาษที่นำไป รีไซเคิลไม่ได้ กระดาษที่ไม่สามารถ นำไป เข้ากระบวนการผลิต ใหม่เป็น กระดาษใช้ได้อีก ได้แก่ กระดาษที่ เคลือบด้วยขี้ผึ้ง กระดาษที่เข้าเล่มด้วยกรรมวิธี โทรศัพท์ นิตยสารต่างๆ ตลอดจนกระดาษที่ถูก เปรอะเปื้อนด้วยกาวชนิดที่ไม่ละลายน้ำ
5. หนังสือพิมพ์ สามารถแก้ไขปัญหา ขยะกระดาษ แหล่งสร้างขยะ กระดาษที่สำคัญก็คือ หนังสือ พิมพ์ หน้าที่เป็นขยะ กระดาษโดยผู้อ่านไม่ได้อ่าน ก็คือ หน้าโฆษณาธุรกิจ ซึ่งมีอยู่ฉบับละหลายๆ หน้า ซึ่งแม้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับหนังสือพิมพ์ แต่ควรคำนึงว่านั่นคือ การทำลายกระดาษสะอาด และสร้างขยะกระดาษให้เกิดขึ้นจำนวน มหาศาลในแต่ละวัน
6. เศษหญ้ามีประโยชน์ เศษหญ้าที่ถูกทิ้งอยู่ บนสนามนั้น สามารถให้ ประโยชน์ต่อสนามหญ้า ได้มาก เพราะในเศษ หญ้านั้นมีธาตุอาหาร ที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับปุ๋ย ที่ใช้ใส่หญ้าทีเดียว
7. วิธีตัดกิ่งไม้ วิธีการตัดกิ่งก้าน ของต้นไม้ ไม้พุ่มใบไม้ ควรตัด ให้เป็น เศษเล็กน้อย เพื่อช่วยลด เศษขยะให้กับ สวนได้ และยังช่วยให้เกิดการเน่าเปื่อยขึ้นกับเศษ ใบไม้นั้นเร็วขึ้นด้วย
8. ใช้เศษหญ้าคลุมไม้ใหญ่ เศษหญ้าที่ตัดจาก สนามและสวนนั้น สามารถนำ ไปคลุมต้นไม้ใหญ่ได้ การใช้เศษหญ้าปกคลุมพืช ในสวนจะช่วยในการกำจัดวัชพืชได้ เพราะเศษ หญ้าได้ นอกจากนี้ เมล็ดของวัชพืชที่ร่วงหล่นก็ ไม่อาจหยั่งรากทะลุผ่านเศษใบไม้ได้ด้วย
9. ประโยชน์ของพลาสติก ช่วยถนอมอาหาร พลาสติกทุกชนิดหากถูก ไฟไหม้จะก่อให้เกิดมล พิษทางอากาศที่เป็น อันตราย ได้มีการรณรงค์ให้ เลิกใช้ พลาสติก แต่จริงๆ แล้ว พลาสติกยังคงมี ความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ พลาสติก มีประโยชน์ในการถนอมอาหารให้สด อยู่ได้ เป็นเวลานานๆ
10. พลาสติกรีไซเคิล ปัจจุบันมีบริษัทกว่า 200 แห่ง ในอุตสาหกรรมการผลิต พลาสติกได้ทำการ รีไซเคิล พลาสติก จำนวน 20% จากขวดเครื่องดื่ม พลาสติกที่ทำจาก Poly - Ethylene Terephthalate หรือ PET จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็น ด้ามเครื่องจับไฟฟ้า กระเบื้องปูพื้น เส้นใย สังเคราะห์ในหมอน ถุงนอน หรือใช้บุเสื้อแจ็คเก็ต
11. . พลาสติกรีไซเคิล 2 ภาชนะพลาสติก ที่ใส่น้ำผลไม้ และนมนั้น ทำมา จากพลาสติกชนิด Polyethylene ที่มีความเข้ม ข้นมาก เมื่อใช้แล้วได้ถูกนำมารีไซเคิลทำเป็นท่อ พลาสติก กระถางต้นไม้ เก้าอี้พลาสติก
12. วิธีเก็บขวดแก้ว ที่ใช้แล้ว ขวดแก้วทุกชนิดที่ บรรจุของเมื่อใช้แล้ว ควรทำ ความสะอาด และแยกชนิดของแก้ว และแยกสี ของแก้วด้วย
13. วิธีเก็บกระป๋อง อลูมิเนียมที่ใช้แล้ว นำกระป๋องอลูมิเนียม ที่ใช้แล้วมาบี้ให้แบน ก่อนทิ้ง หรือขายแก่คนรับซื้อ เศษโลหะ
14. น้ำสะอาดมาจาก น้ำใต้ดิน น้ำสะอาด ที่เราใช้ประโยชน์ ดื่มกิน ส่วนใหญ่มา จากน้ำใต้ดิน การทิ้งขยะ บนพื้นผิวดินทำให้มีผล ถึงน้ำใต้ดิน เพราะน้ำฝนจะชะความโสโครกซึม ลงไปถึงชั้นน้ำใต้ดินทำให้ น้ำใต้ดินเน่าเสียและ เป็นพิษได้
15. วิธีล้างรถยนต์ ล้างรถยนต์ด้วยฟองน้ำ และใช้ถังน้ำจะใช้น้ำ เพียง 15 แกลลอน แต่ถ้าล้างด้วยสายยาง จะต้อง สูญเสียน้ำถึง 150 แกลลอน
16. ดูแลรักษารถ ด้วยการเปลี่ยน น้ำมันเครื่อง การดูแลรักษารถ จะต้องทำอย่าง สม่ำเสมอ ได้แก่ การเปลี่ยน น้ำมันเครื่อง ตามระยะเวลา ที่ระบุไว้ในคู่มือ และทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนไส้กรองด้วย
17. รักษารถ ด้วยการเปลี่ยนไส้กรอง ไส้กรองอากาศที่ สกปรกจะทำให้ การไหลของ อากาศที่สะอาด ทำได้น้อยลง มีผลต่อการเผา ไหม้ของเครื่องยนต์ด้วย
18. รักษารถช่วยลดมลพิษ การดูแลรักษารถ จะทำให้รถ สามารถวิ่งได้เพิ่มขึ้น อีก 10% ของจำนวนไมล์ ซึ่งเท่ากับสามารถลด ราคาเชื้อเพลิงลงได้ถึง 10% เช่นกัน การลดการ ใช้เชื้อเพลิงลงก็เท่ากับ เป็นการช่วยลดมลพิษทาง อากาศให้กับโลกได้ด้วย
19. ยางรถยนต์ ช่วยประหยัดน้ำมัน การเติมลมยางรถ ให้พอดี และขับรถตามข้อ กำหนดความเร็ว จะช่วยในการ ประหยัดน้ำมันได้
20. วิธีป้องกันการรั่วไหล ของ น้ำมันเครื่อง การป้องกัน การรั่วไหลของ น้ำมันเครื่องจากตัวถัง รถยนต์สามารถทำได้ ด้วยการปิด สลักเกลียวใน เครื่องยนต์ทุกตัวให้แน่น โดยเฉพาะในส่วนที่ซึ่ง น้ำมันเครื่องรั่วไหลออกไปได้ ช่วยป้องกันการรั่ว ไหลของน้ำมันเพื่อลดมลพิษ ให้กับอากาศของเรา
21. ควรเปลี่ยน น้ำมันเครื่องเมื่อไหร่ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เมื่อขับรถได้ทุกๆ ระยะ 3,000 - 4,000 ไมล์ และควรเลือกใช้ไส้กรอง ที่ดีที่ สุดด้วย
22. การเพิ่มออกซิเจน ในน้ำมัน วิธีการหนึ่ง ที่จะช่วยลดมลพิษ ให้กับรถยนต์ก็คือ การเพิ่มส่วนผสมของ ออกซิเจนในน้ำมัน ซึ่งจะ ช่วยลดปริมาณ การเกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ ลงได้เป็นจำนวนมาก
23. อันตรายจาก ก๊าซเรดอน ก๊าซเรดอน เป็นก๊าซ กัมมันตภาพรังสี มักพบ แทรกอยู่ในดินและหิน มีคุณสมบัติ ที่สามารถ ซึมผ่านมาบนผิวดิน และกระจายออกสู่อากาศได้ โดยผ่านทางรอยร้าวและโพรงของ คอนกรีตบล็อค ตามท่อก๊าซเรดอน เป็นก๊าซที่เป็นอันตรายต่อ ระบบทางเดินหายใจ
24. พิษของ ก๊าซเรดอน ต่อร่างกาย ก๊าซเรดอน เป็นอันตราย ต่อเนื้อเยื่อของปอด การได้รับสาร กัมมันตภาพรังสี จากก๊าซเรดอนเป็น เวลานานกว่า 20 - 30 ปี จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งที่ปอดได้
25. วิธีป้องกันอันตราย จากก๊าซเรดอน การป้องกันอันตราย จากก๊าซเรดอน ทำได้โดย การไม่สูบบุหรี่ ในบ้าน หรือในห้องที่มีอากาศถ่าย เทได้น้อย เปิดหน้าต่างให้มีการถ่ายเทระหว่าง อากาศภายในบ้านกับอากาศนอกบ้านทุกๆ วัน
26. ปลูกต้นไม้ในห้อง ช่วยลดมลพิษ ปลูกต้นไม้ในห้องโดย ปลูกไม้กระถาง ผสมถ่าน กับดิน ถ่านจะเป็นตัวช่วย ดูดซับ สารมลพิษและ จุลินทรีย์ภายในห้องได้
27. พิษภัยของฝุ่นฝ้าย ฝุ่นฝ้ายในโรงงาน อุตสาหกรรมเป็น ต้นเหตุของการเกิด โรคปอดอักเสบ โดยฝุ่นฝ้ายจะเข้าไปทำ ให้เกิดอาการแน่นหน้าอกและหัวใจ โปรดป้องกัน ตนเองจากฝุ่นฝ้าย ด้วยการใช้อุปกรณ์ป้องกันใน การหายใจ
28. วิธีใช้น้ำยา ทำความสะอาดครัวเรือน มีสารเคมีมากกว่า 63 ชนิดที่ใช้เป็น ส่วนผสมอยู่ ในน้ำยาทำความสะอาด ครัวเรือน เช่น น้ำยาถู พื้น น้ำยาขัดห้องน้ำ โปรดอ่านคำแนะนำใน ฉลากก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นจาก พิษภัยอันตราย
29. เก้าอี้พลาสติก รีไซเคิล เก้าอี้พลาสติก ส่วนใหญ่ ผลิตขึ้นใหม่จาก พลาสติกที่ใช้แล้ว เช่น เก้าอี้พลาสติกที่มีขนาด ความยาว 6 ฟุต นั้น ทำมาจากถังพลาสติก ที่ใช้ บรรจุนมเป็นจำนวนถึง 1,050 ใบ
30. รักษาสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นที่ใกล้ตัว ในการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมนั้น เราไม่จำเป็นต้อง เดินทาง ไปจนถึงพื้นที่ป่าใหญ่ เพื่อปลูกป่า แต่เราสามารถเริ่มต้น อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ในพื้นที่ ใกล้บ้านเราเอง
31. พืชท้องถิ่น มีความสำคัญ ต่อสิ่งแวดล้อม พืชดั้งเดิมของท้องถิ่น มีความสำคัญต่อระบบ นิเวศวิทยา และมีความเหมาะสม กับสภาพ อากาศและดิน มากกว่าพืช ที่นำเข้ามาจากที่อื่น ๆ ดังนั้น เราจึงควรต้องช่วยกันป้องกันและอนุรักษ์ พืชท้องถิ่นไว้ไม่ให้สูญพันธุ์
32. รถยนต์ผลิต คาร์บอนมอนนอกไซด์ ทุก ๆ ปี รถยนต์คันหนึ่ง ๆ จะผลิตก๊าซ คาร์บอน มอนนอกไซด์ออกมาสู่ บรรยากาศโลกได้ ในปริมาณที่มีน้ำหนัก เท่ากับตัวรถเอง
33. น้ำมันก๊าซโซลีน เผาไหม้เกิดเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ ทุกๆ แกลลอน ของก๊าซโซลีน ในรถยนต์ที่ถูกเผา ไหม้จะทำให้เกิดก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ จำนวนถึง 9000 กรัม กระจายขึ้นสู่ ชั้นบรรยากาศโลก
34. ปรากฏการณ์ เรือนกระจก การเผาไหม้เชื้อเพลิง จากเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็น สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดภาวะ ปรากฏการณ์เรือน กระจก หากสามารถเปลี่ยนไปใช้ พลังงานจาก แหล่งอื่น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ก็จะช่วยลด อุณหภูมิความร้อนที่เกิดขึ้นกับโลกได้
35. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ ที่แพร่หลาย มากที่สุด คือ เครื่องคิดเลขที่ใช้พลังงานแสง อาทิตย์ ซึ่งในแต่ละปี ผลิตออกจำหน่ายถึงกว่า 2,000,000 เครื่อง
36. การลดการใช้ สำคัญกว่าการผลิต ใช้ใหม่ การนำของที่ใช้แล้ว มาผลิตใช้ใหม่ อาจไม่ใช่การ แก้ปัญหาที่สำคัญ เพราะ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ วิธีการนำพลาสติก ที่ใช้แล้วกลับมาผลิตใช้ใหม่ได้ อีก แต่สำคัญตรงที่เราควรจะหาวิธีลดการใช้ พลาสติกให้น้อยลงต่างหาก
37. ผักปลอดสารพิษ เมื่อใดก็ตามที่ได้ลงมือ ทำสวนครัวด้วยตนเอง เมื่อนั้นเราจึงจะเชื่อมั่น ได้อย่างแน่นอนว่า เรา กำลังมีโอกาสได้กิน พืชผักที่ปลอดจากยาฆ่า แมลงแล้วจริง ๆ
38. สวนสาธารณะของเมือง สวนสาธารณะ นอกจากจะช่วย รักษาพื้นที่สีเขียวแล้ว ยังทำให้มีพื้นที่โล่ง ว่างขึ้นในท่ามกลาง ตึกอาคารสิ่งก่อสร้างที่เติบโต อย่างแออัดในเมืองใหญ่ สวนสาธารณะไม่เพียงจะช่วยให้อากาศ บริสุทธิ์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์จากธรรมชาติให้ผู้ คนได้ตระหนักว่า เมืองมิใช่เป็นที่ตั้งของถนน อาคารระฟ้า และรถยนต์เท่านั้น แต่ควรจะเป็นที่ อยู่ของธรรมชาติด้วย
39. ดื่มน้ำสะอาด ให้หมดแก้ว ดื่มน้ำสะอาด ให้หมดแก้วทุกครั้ง อย่าเหลือทิ้ง เพราะน้ำสะอาด มีเหลืออยู่น้อยในโลกนี้ และ กระบวนการทำน้ำให้สะอาด ก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย
40. สมุนไพรแก้กลิ่นอับ ในห้องที่มีกลิ่นอับ ให้ใช้สมุนไพรแห้ง หรือเครื่องหอมจาก ดอกไม้แห้ง ห่อด้วยเศษผ้าโปร่งบาง แขวนไว้ในห้องที่มีกลิ่นอับ จะช่วยให้ห้องหายจากกลิ่นอับได้
41. ปิดเตาอบ ก่อนอาหารสุก ทุกครั้งที่ปรุงอาหาร ด้วยเตาอบ ให้ปิดเตาอบก่อน อาหารสุกประมาณ 2 - 3 นาที เพราะความร้อน ในเตาอบจะยังคงมีอยู่อย่างเพียงพอ ที่จะทำให้ อาหารสุก
42. วิธีดูแลรักษาพรม ดูแลรักษาพรมที่ปูพื้น ให้สะอาดด้วยการดูดฝุ่น อย่างสม่ำเสมอ และในการ กำจัดกลิ่นพรมก็จะ ต้องใช้ผงเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) โรยให้ทั่ว พื้นพรม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงทำการ ดูดฝุ่น จะทำให้พรมปลอดจากกลิ่นได้
43. การทำความสะอาด เฟอร์นิเจอร์ การทำความสะอาด เฟอร์นิเจอร์ ทำได้ด้วยวิธี ง่ายๆ โดยใช้ผ้าบางๆ ชุบน้ำสบู่ บิดให้หมาด แล้ว ใช้เช็ดถูเฟอร์นิเจอร์ จากนั้นใช้ผ้าแห้งถูซ้ำอีกครั้ง
44. กระดาษใช้แล้ว นำมาผลิตใช้ใหม่ การนำกระดาษที่ใช้แล้ว กลับมาผลิตใช้ใหม่ ในจำนวนทุกๆ 1 ตัน นั้น เป็นการช่วยอนุรักษ์ต้นไม้ ได้ถึง 17 ต้น
45. หมั่นปัดฝุ่นจากหลอดไฟ ให้หมั่นปัดฝุ่น จากหลอดไฟเสมอๆ เพราะฝุ่นและ ความสกปรก บนส่วน ที่เป็นแก้ว จะช่วยลดความ สว่างของแสงที่ส่องจากหลอดไฟ ลงไปถึง 33 เปอร์เซ็นต์ ทำให้แสงจากหลอดไฟไม่สว่าง เท่าที่ควร
46. คุณค่าของต้นไม้ ที่มีอายุกว่า 50 ปี ต้นไม้ทุกต้น ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป มีคุณ ค่าในการทำให้อากาศ บริสุทธิ์ ควบคุมการกัด เซาะผิวดินและน้ำป่า ปกป้อง คุ้มครองชีวิตของ สัตว์ป่าและสามารถควบคุม มลภาวะในอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
47. ต้นไม้ดูดซับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ต้นไม้ที่อยู่ในสภาพ สภาวะสมบูรณ์ สามารถดูด ซับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ จากอากาศได้ถึง 40 ปอนด์ ในเวลา 1 ปี
48. พลังงานจากแก้วรีไซเคิล พลังงานที่ได้จาก การนำแก้วที่ใช้ มาผลิตใช้ใหม่ 1 ใบ นั้นเทียบได้เท่ากับ พลังงานของหลอดไฟ 60 วัตต์ ที่ส่องสว่างได้เป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง
49. พลังงานจาก กระป๋องรีไซเคิล พลังงานที่ได้จาก การนำกระป๋อง อลูมิเนียมที่ใช้ แล้วมาผลิต ใช้งานใหม่ 1 ใบนั้นเทียบเท่าได้กับ พลังงานแสงสว่างที่ใช้กับทีวีเป็นเวลานาน ถึง 3 ชั่วโมง
50. เวลาที่ควรรดน้ำต้นไม้ การรดน้ำต้นไม้ ระหว่างเวลา 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น ปริมาณน้ำที่รด จะสูญเสีย ไปในการระเหยมากถึง 60% ของจำนวนน้ำที่รด ดังนั้น เวลาที่ควรรดน้ำต้นไม้ที่ดีที่สุดคือ เวลาหลัง 6 โมงเย็น หรือก่อน 9 โมงเช้า
51. เงาต้นไม้ ประหยัดพลังงาน เงาของต้นไม้ ช่วยลดความ ต้องการ เครื่องปรับ อากาศลงได้ถึง 50% และในฤดูร้อนต้นไม้ จะทำ ให้เมืองเย็นลงถึง 15%
52. คุณทำอย่างไรกับใบไม้ที่กวาดแล้ว การเผาเศษใบไม้ ทุกๆ 1 ต้น จะทำให้เกิดก๊าซ คาร์บอนมอ นอกไซด์ ถึง 117 ปอนด์ ฝุ่น 41 ปอนด์ และคาร์ซิโนเจน 7 ปอนด์ หรือมากกว่านั้น เศษใบไม้ที่กวาดแล้ว ควรนำมาทำปุ๋ยหมักหรือ สุมไว้โคนต้นไม้ เพื่อให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยต่อไป
53. หลอดไฟฟ้า ประหยัดพลังงาน การใช้ หลอดไฟฟ้า แบบประหยัด พลังงาน 1 หลอดแทนการใช้ หลอดไฟฟ้า แบบฟูลออเรสเซนต์ จะช่วยประหยัด พลังงาน ได้เป็นปริมาณเท่ากับ ถ่านหินหนัก 600 ปอนด์ ตลอดชั่วอายุ ของหลอดไฟฟ้าหลอดนั้น
54. วิธีลดมลพิษ จากรถยนต์ วิธีการหนึ่ง ที่จะช่วย ลดมลพิษจาก รถยนต์ ก็คือ การเพิ่ม ส่วนผสมของ ออกซิเจน ในน้ำมัน การเพิ่ม ออกซิเจนในน้ำมัน ก็เพื่อช่วยลดปริมาณ การเกิด ของก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ ให้ลดน้อยลง
55. ทำอย่างไรกับ น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว จากรถยนต์จะก่อ มลภาวะ ให้เกิดกับแหล่งน้ำ และผิวดินได้ หากมีการกำจัดที่ ไม่เหมาะสม ทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ให้ ถ่ายเทน้ำมันเครื่อง ที่ใช้แล้วลงใน ภาชนะ ที่ปิดฝา แล้วส่งคืนให้กับสถานีบริการ
56. มลพิษจากเตาแก๊ส แหล่งมลพิษของ อากาศในบ้าน ที่สำคัญก็คือ เตาแก๊ส ในห้องครัวที่ไม่มีช่อง หรือระบบระบาย อากาศ จะเป็นแหล่งสะสมของก๊าซ ไนโตรเจนออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เกิด จากเตาแก๊ส สารมลพิษในห้องครัวจะลดลงได้ด้วยการ ระบายอากาศที่ดี
57. วิธีปลูกต้นไม้ในอาคาร การปลูกต้นไม้ ไว้ในอาคาร วิธีการที่เหมาะสม คือ การปลูกลงในกระถาง ที่ผสมถ่านกับดิน ไว้ด้วยกัน ถ่านจะเป็นตัวช่วยดูดซับสารมลพิษ และจุลินทรีย์ได้
58. ทำความสะอาด เครื่องปรับอากาศ ในอาคารที่ติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ จะต้องทำความสะอาด แผ่นกรองอากาศบ่อยๆ และไม่ควรใช้ยากำจัดกลิ่น หรือแอร์เฟรชเชอเนอร์
59. ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ทุกครั้งก่อนจะเข้าบ้าน ต้องถอดรองเท้า ไว้ที่หน้าประตูบ้าน จะต้องไม่ใส่รองเท้า เข้าบ้าน เพราะพื้นรองเท้าเป็นที่รวม ของสารพิษทั้งหลายที่เราไปเหยียบย่ำ มาจากที่ต่างๆ
60. สัดส่วนของก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ในอากาศ โดยสัดส่วนความสมดุล ของธรรมชาติจะมีก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ อยู่เป็นประมาณ 0.03% ของบรรยากาศ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำหน้าที่ดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์ไว้ ทำให้โลกมีความอบอุ่นที่พอเหมาะ
61. ทำไมโลกจึงร้อนขึ้น กิจกรรมทั้งหลาย ของมนุษย์ได้เป็น สาเหตุของการเพิ่ม ความร้อนให้กับโลก ได้แก่ การเผาผลาญน้ำมัน เชื้อเพลิง การเผาป่าเขตร้อนของโลก ได้ทำให้ปริมาณของ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้นจำนวนมากในบรรยากาศ โลกจึงร้อนขึ้น
62. วิธีหยุดความร้อน ให้กับโลก เราสามารถหยุดยั้ง การเพิ่มขึ้นของก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการลดการใช้ พลังงาน ที่ ก่อให้เกิดความร้อน ให้น้อยลง และต้องหยุดการ เผาทำลายป่าลงให้ได้ ณ ทุกหนทุกแห่งของพื้น พิภพนี้
63. ปลูกป่า เพื่อให้โลกร่มเย็น เพื่อให้โลกเย็นลง เราทุกคนจะต้อง ช่วยกัน ปลูกป่าคลุม พื้นที่ว่างเปล่า ให้ได้มากที่สุด เพราะป่า เป็นแหล่งดูดซับ คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ดีที่สุดของโลก
64. สารอันตราย ในถ่านอัลคาไลน์ ถ่านอัลคาไลน์เป็นถ่าน ที่ใช้ใส่กล้องถ่ายรูป ไฟ ฉาย นาฬิกา เครื่องคิดเลข ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว แล้วทิ้ง จัดเป็นของเสีย ที่เป็นอันตรายได้แก่ แมงกานีส สังกะสี และปรอท
65. การเลือกใช้ ถ่านแคดเมี่ยมแทน ถ่านอัลคาไลน์ ควรเลือกใช้ ถ่านแคดเมี่ยม แทนการใช้ ถ่านอัลคาไลน์ เพราะถ่านแคดเมี่ยม เมื่อใช้หมดแล้ว สามารถนำมาชาร์ตไฟใหม่ใช้ได้อีก ในขณะที่ถ่านอัลคาไลน์ ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ก็ต้องทิ้ง
66. อ่านคำอธิบายก่อนใช้ ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนประกอบของ สารเคมีอันตราย ควรอ่านคำอธิบาย ให้เข้าใจก่อนใช้ทุกครั้ง และต้องปฏิบัติตาม คำแนะนำการใช้ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ต่อชีวิตของตัวเอง
67. การเลือกซื้ออาหารกระป๋อง ทุกครั้งที่เลือกซื้อ อาหารกระป๋อง จะต้องตรวจหา วันหมดอายุ ที่บอกไว้บน ภาชนะบรรจุสินค้า นั้นๆ และควรซื้อ อาหารกระป๋อง ที่ยังไม่หมดอายุเท่านั้น
68. อันตรายจาก อาหารกระป๋องที่หมดอายุ อย่าซื้ออาหารกระป๋อง ที่หมดอายุแล้ว เพราะอาหารกระป๋อง ที่หมดอายุแล้ว จะเป็นสาเหตุของพิษภัย อันตรายต่อร่างกาย เช่น มะเร็งที่ตับ โปรดระมัดระวังทุกครั้งที่ซื้อ อาหารกระป๋อง เพราะที่หมดอายุแล้ว มักถูกนำมาลดราคาให้ชวนซื้อ
69. แอมโมเนีย ในน้ำยาซักแห้ง ในน้ำยาซักล้างทุกๆ ชนิด เช่น น้ำยาล้างกระจก น้ำยาย้อมผม น้ำยาทำความสะอาด ห้องน้ำ จะมีส่วนประกอบของ แอมโมเนียอยู่ด้วย โปรดใช้อย่างระมัดระวังทุกครั้ง เพราะแอมโมเนียมีผลโดยตรงต่อระบบ ทางเดินหายใจ
70. สารฟอร์มาลดีไฮด์ ในไม้อัด เสื้อผ้าใหม่ๆ และน้ำยาล้างเล็บ จะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นสารประกอบอยู่ด้วย สารฟอร์มาลดีไฮด์ จะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ฉะนั้น โปรดระมัดระวังทุกครั้งที่ใช้
71. บรรจุภัณฑ์ ถนอมอาหาร มีอาหารไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ที่ต้องอาศัย บรรจุภัณฑ์ ที่ช่วยในการ ถนอมอาหาร เพื่อรักษาความกรอบ ของอาหาร บรรจุภัณฑ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ การห่อหุ้มอาหาร
72. บรรจุภัณฑ์ที่ฟุ่มเฟือย ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ ได้ถูกนำมาใช้ อย่างฟุ่มเฟือย จนเกิน ความจำเป็น และได้กลายเป็นขยะ จำนวนมหาศาล ฉะนั้นโปรดช่วยกัน ลดขยะ จากบรรจุภัณฑ์ด้วยการ ไม่ซื้อสินค้า ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น
73. ผลิตภัณฑ์เข้มข้น ช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้ ผลิตภัณฑ์บางชนิด ที่พัฒนาการผลิต ให้เข้มข้น ซึ่งผู้บริโภค สามารถนำไป เจือจางก่อนใช้เป็นการ ช่วยลดปริมาณขยะ จากบรรจุภัณฑ์ได้
74. ใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษ แทนการใช้พลาสติกและโฟม ปัจจุบันมีการผลิต บรรจุภัณฑ์ที่เป็น กระดาษ เพื่อใช้ บรรจุอาหารแทน บรรจุภัณฑ์พลาสติก และโฟม เช่น กล่องบรรจุน้ำผลไม้ นม เป็นต้น
75. บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ ควรเลือกซื้อสินค้าที่ บรรจุในภาชนะ ที่สามารถ นำกลับไปผลิตใช้ไหม่ ดีกว่าบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
76. ควรเลือกซื้อสินค้าที่ บรรจุกระป๋อง อลูมิเนียมและแก้ว ควรเลือกซื้อสินค้าที่ บรรจุในกระป๋อง อลูมิเนียมหรือแก้ว แทนสินค้าที่บรรจ ุในภาชนะพลาสติก และโฟม เพราะอลูมิเนียมและแก้ว สามารถนำกลับไปผลิตใช้ได้ใหม่อีก
77. การเลือกซื้อ ไม่ควรเลือกซื้อสินค้า ที่ถูกบรรจุภัณฑ์ หรือหุ้มด้วยบรรจุภัณฑ์ ที่ฟุ่มเฟือยมากเกินไป
78. ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ชนิดเข้มข้น ควรซื้อผลิตภัณฑ์ ชนิดเข้มข้น แล้วนำไปเจือจางเอง โดยการเติมน้ำก่อนใช้ เป็นการประหยัด ภาชนะบรรจุได้
79. ซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็น ควรเลือกซื้อสินค้า เท่าที่ต้องการ และใช้ให้หมด
80. สินค้าปลอดสารพิษ ควรเลือกซื้อสินค้าที่ ปลอดสารพิษเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อ ความปลอดภัยของชีวิต และสุขภาพร่างกาย ของตัวท่านเอง
81. คุณสมบัติ ของสารละลาย สารละลายเป็นสาร ที่มีคุณสมบัติ ในการละลาย วัตถุอื่นๆ โดยปกติแล้ว สารละลายนี้ จะอยู่ในรูป ของเหลว เช่น ผสมอยู่ในทินเนอร์ที่ใช้ผสมสีและ อยู่ในแลคเกอร์
82. วิธีป้องกันอันตราย จากสารละลาย ส่วนประกอบของ สารเคมีในสารละลาย เป็นอันตรายโดยตรง ต่อดวงตา ผิวหนังและปอด ทุก ครั้งที่ต้องใช้สารละลาย ควรจะต้องแต่งกายด้วย เสื้อแขนยาว สวมถุงมือ ใส่แว่นตา และใช้สาร ละลายในที่ที่เปิดโล่งเท่านั้น
83. ในห้องปรับอากาศ ควรระบายอากาศ ในห้องปรับอากาศ ควรเปิดหน้าต่าง ให้อากาศระบายได้ ในบางช่วง และควรเปิดพัดลม ดูดอากาศด้วยทุกครั้งที่เปิดแอร์
84. ผลิตภัณฑ์อันตราย ไม่ควรทิ้งลงแม่น้ำ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ติดไฟ น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำยาละลายสี ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรด น้ำยาทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษ เช่น ยากำจัดศัตรูพืช เมื่อใช้แล้วต้องมีวิธีกำจัดที่ถูกต้อง และต้องไม่ทิ้งลงแม่น้ำ
85. สารอันตรายไดออกซิน สารพิษที่มีอันตราย มากที่สุด ที่เป็น ส่วนประกอบของ ยาฆ่าแมลง คือ ไดออกซิน ไดออกซิน แม้เพียง จำนวนเล็กน้อยก็เป็นสาเหตุของการ เกิดโรคมะเร็งได้ จึงไม่ควรใช้ยากำจัดศัตรูพืช ที่มีส่วนผสมของ ไดออกซิน
86. อันตรายจากเบนซิน เบนซินเป็นตัวทำละลาย ที่มีพิษต่อร่างกาย ที่รุนแรงที่สุด คือ เป็นต้นเหตุของการป่วย เป็นโรคลูคีเมีย และทำลายไขกระดูก
87. ช่วยกันปลูกต้นไม้อีก 5 เท่าจึงจะเพียงพอ ในปริมาณการใช้ไม้ และจำนวนพื้นที่ป่าไม้ ที่ลดลงในปัจจุบันนั้น สามารถแก้ไขได้ ด้วยการปลูกต้นไม้ โตเร็ว มากกว่าที่ปลูกอยู่ในปัจจุบันมากถึง 5 เท่า จึงจะเพียงพอกับการใช้ประโยชน์ใน
88. ไฮโดรเจนคือ พลังงานทดแทน ไฮโดรเจนเป็นพลังงาน ทดแทนที่ได้มาจาก การแยกละลายสาร เช่น ไฟฟ้าจากน้ำ ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด และไม่ก่อเกิดมลพิษทางอากาศด้วย
89. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โลกได้ผลิตรถยนต์ ชนิดใหม่เพื่อลดมลพิษ ให้กับท้องถนน รถยนต์ที่ผลิตขึ้นใหม่นี้ ขับเคลื่อนโดย ขบวนการเปลี่ยนไฮโดรเจนเหลว ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยไม่ต้องผ่านขบวนการเผาไหม้
90. ลักษณะของรถยนต์ พลังงานไฮโดรเจนเหลว รถยนต์พลังงาน ไฮโดรเจนเหลวนี้ มีลักษณะเดียวกับ รถไฟฟ้า แต่แตกต่างกันตรงที่มี ถังเก็บไฮโดรเจนเหลว แทนแบตเตอรี่ ปัจจุบันพลังงาน ไฮโดรเจนเหลว กำลังได้รับการพัฒนารูปแบบ เพื่อที่จะนำมาใช้บนท้องถนนแล้ว
91. รถยนต์พลังงาน ไฮโดรเจนเหลว ไม่ก่อมลพิษ รถยนต์พลังงาน ไฮโดรเจนเหลว ไม่ก่อให้เกิด มลพิษ ต่อสภาพแวดล้อม เพราะไฮโดรเจนเหลว ที่ใช้กับตัวรถได้มาจากแหล่งที่สะอาด
92. หลอดไฟฟ้า ฟลูออเรสเซนต์ ประหยัดไฟ หลอดไฟฟ้า ฟลูออเรสเซนต์ เป็นหลอดไฟที่สามารถ ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ได้ถึง 75% และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอด แบบขดลวดถึง 10 เท่า
93. วิธีลดก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ให้กับโลก หากเราเผาถ่าน ให้น้อยลง และเผาพลาญน้ำมัน ให้น้อยลง ก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ และก๊าซอื่นๆ ที่ก่อให้เกิด ภาวะเรือนกระจกขึ้นกับโลก ก็จะน้อยลง
94. ขยะกระดาษ ทุกๆ อาทิตย์ เราทิ้งกระดาษ ลงตระกร้าขยะมากถึง 1,000 ตัน แต่มีเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ที่กระดาษเหล่านั้น ถูกนำกลับมาผลิตใช้ได้ใหม่อีก
95. อันตรายจากสีทาบ้าน ในสีน้ำมัน ที่ใช้ทาบ้าน มีส่วนประกอบของ แคดเมียม และไททาเนี่ยมออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารที่มีอันตราย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย จากสารอันตราย ควรใช้สีน้ำในการทาสีบ้าน
96. การเติมลมยางรถ ช่วยประหยัดน้ำมัน ในการบำรุงรักษา การเติมยางรถ ที่พอดีจะช่วยในการ ประหยัดน้ำมันได้ การเติมลมยางรถ ถ้าเติมอ่อนเกินไป จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 ตามการหมุนรอบของวงล้อที่เพิ่มขึ้น
97. เติมลมยางรถ ช่วยยืดอายุยางรถยนต์ การเติมลมยางรถยนต์ ที่พอเหมาะพอดี ยังช่วยยืดอาย การใช้งาน ช่วยป้องกันไม่ให้ ยางรถยนต์ฉีกขาดได้ง่าย จากสาเหตุที่เติมลมอ่อนหรือแข็ง เกินไปอีกด้วย
98. เตาไมโครเวฟ ประหยัดไฟกว่าเตาอบ การใช้เตาไมโครเวฟ จะช่วยประหยัด พลังงานจากไฟฟ้า มากกว่า เตาอบถึง 1 - 2 เท่า
99. ถ่านไฟฉายที่ชาร์ต ไฟใหม่ได้ ประหยัดกว่า ถ่านไฟฉายธรรมดา ถ่านไฟฉายที่ชาร์ต ไฟได้ใหม่นั้น แม้จะมีส่วนประกอบ ของแคดเมี่ยม แต่ก็มีอายุการใช้งาน ได้นานกว่าถ่านไฟฉาย แบบธรรมดาถึง 500 เท่า และช่วยลดปริมาณ การใช้ถ่านธรรมดา ได้มากที่สุด
100. อันตรายจาก น้ำยาปรับอากาศ ในน้ำยาปรับอากาศ แอร์รีเฟรชเชอเนอร์ นั้นมีส่วนประกอบของ สารเคมีประเภท เทอนอลไซลีน ซึ่งเป็นสารที่เป็นอันตราย ต่อร่างกายมนุษย์